นโยบายภาษี
การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
เป้าหมาย
ผลการดำเนินงานปี 2567
ความมุ่งมั่น ความท้าทาย และโอกาส
บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย (“บริษัท”) มุ่งดำเนินธุรกิจบนหลักธรรมาภิบาล โปร่งใส และรับผิดชอบต่อสังคม การเสียภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมายคือส่วนสำคัญของความรับผิดชอบนั้น เพราะภาษีเป็นทรัพยากรสาธารณะที่สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของชุมชนที่บริษัทดำเนินงาน บริษัทจึงประกาศ “นโยบายด้านภาษี” และยึดถือการวางแผนภาษีที่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงทางธุรกิจ ไม่ใช้โครงสร้างหรือธุรกรรมที่มีเจตนาเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี และจ่ายภาษีอย่างครบถ้วนถูกต้องและตรงเวลาในทุกเขตอำนาจศาลที่เกี่ยวข้อง

นโยบายนี้ครอบคลุมภาษีทุกประเภทของกลุ่มบริษัท (ทางตรงและทางอ้อม) ครอบคลุมทุกสายงาน/ฟังก์ชัน รวมทั้งคู่ค้าหรือธุรกรรมที่เกี่ยวข้อง และเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการด้านความยั่งยืนภายใต้กรอบ ESG ของบริษัท
แนวทางการจัดการและแนวปฏิบัติ
เพื่อแปลงนโยบายสู่การปฏิบัติที่จับต้องได้ บริษัทจึงกำหนดแนวทางการดำเนินงานดังต่อไปนี้
1. หลักการ/พันธสัญญา
บริษัทปฏิบัติและกำกับดูแลภาษีตามหลักดังต่อไปนี้
- ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบภาษีอย่างครบถ้วน จ่ายภาษีถูกต้องและตรงเวลาในทุกพื้นที่ดำเนินธุรกิจ
- วางแผนภาษีบนสาระทางธุรกิจ (Business Substance) ไม่ใช้ธุรกรรมหรือโครงสร้างที่มีวัตถุประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีโดยปราศจากมูลเหตุธุรกิจที่แท้จริง
- ธุรกรรมระหว่างกันต้องเป็นไปตามเกณฑ์ราคาตลาด (Arm’s Length Principle) มีเอกสารอ้างอิงและเปิดเผยตามกฎหมาย
- ไม่ใช้เขตอำนาจศาลเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี (Tax Haven)
- โปร่งใสในการเปิดเผยข้อมูลภาษี เผยแพร่นโยบายและสารสนเทศที่เกี่ยวข้องบนเว็บไซต์บริษัท และรายงานประจำปี/รายงานความยั่งยืน
- สื่อสารและพัฒนาความรู้ภายใน อบรมพนักงานที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ปฏิบัติได้ถูกต้องตามกฎหมายและมาตรฐานของบริษัท
- ติดตามกฎหมายภาษีอย่างต่อเนื่อง ประเมินผลกระทบ และวางแผนรองรับให้เกิดประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้เสียโดยชอบธรรม
2. โครงสร้างกำกับดูแล
- คณะกรรมการบริษัท กำกับดูแลภาพรวมความเสี่ยงภาษี อนุมัติ/ทบทวนนโยบายภาษีอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง
- คณะกรรมการตรวจสอบ กำกับการควบคุมภายในด้านภาษี ทบทวนประเด็นสำคัญ/ข้อพิพาท และรับรายงานความคืบหน้าจากฝ่ายบริหาร
- ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน (CFO) เป็นผู้รับผิดชอบหลักด้านภาษีของกลุ่มบริษัท ดูแลให้มีทรัพยากร กระบวนการ และระบบควบคุมที่เพียงพอ
- คณะทำงานภาษีข้ามสายงาน (Finance/Accounting/Legal/Commercial/SCM/HR) รับผิดชอบการปฏิบัติ การจัดทำเอกสาร การประเมินความเสี่ยง และการสื่อสารภายใน
3. การบริหารความเสี่ยงภาษี
บริษัทกำหนด ระดับความยอมรับความเสี่ยงด้านภาษี (Tax Risk Appetite: ต่ำ) และบริหารผ่านวงจรดังนี้
ระบุความเสี่ยง
ในโครงการ/ธุรกรรมสำคัญ เช่น M&A, ขยายธุรกิจต่างประเทศ, สัญญาระหว่างกัน, โครงการไอที/โลจิสติกส์, สิทธิประโยชน์ทางภาษี
ประเมินและอนุมัติ
โดย CFO และผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง หากมีความซับซ้อนอาจใช้ที่ปรึกษาภายนอก
ควบคุมและติดตาม
ผ่านระบบควบคุมภายใน/การทบทวนเอกสาร/การตรวจประเมินภายใน
รายงานและปรับปรุง
เสนอคณะกรรมการตรวจสอบและคณะกรรมการบริษัทตามระดับสาระสำคัญ
4. มาตรการควบคุมและการปฏิบัติ
- การยื่นและชำระภาษี ดำเนินการครบถ้วน ถูกต้อง ตรงเวลา พร้อมเก็บรักษาเอกสารตามกฎหมาย
- ธุรกรรมระหว่างกัน จัดทำเอกสาร Transfer Pricing (Local/Master File) และเปรียบเทียบราคาตลาด (Benchmarking) ตามกฎหมายไทยและต่างประเทศ รวมถึงเตรียมความพร้อมต่อมาตรฐานสากล (เช่น BEPS, CbCR หากเข้าเกณฑ์)
- การใช้สิทธิประโยชน์ภาษี ใช้เฉพาะที่กฎหมายอนุญาตและมีสาระทางเศรษฐกิจจริง ติดตามเงื่อนไขให้ครบถ้วน หลีกเลี่ยงการใช้ช่องว่างกฎหมาย
- การเปลี่ยนแปลงกฎหมาย มีทีมติดตาม (watch list) วิเคราะห์ผลกระทบและแผนรองรับ เช่น e-Tax Invoice/Global Minimum Tax (Pillar Two)
- ความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐ ดำเนินการด้วยความสุจริต เปิดเผยข้อมูลตามที่กฎหมายกำหนด และให้ความร่วมมืออย่างเหมาะสมเมื่อมีการตรวจสอบ</li>
- ระบบข้อมูลและไอทีภาษี ผนวกการควบคุมใน ERP/ระบบบัญชี ลดความคลาดเคลื่อนและเพิ่มการตรวจติดตาม (audit trail)
- การอบรม/สื่อสารภายใน จัดหลักสูตรภาษีที่จำเป็นสำหรับพนักงานสายงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง
5. ความโปร่งใสและช่องทางร้องเรียน
- เผยแพร่นโยบายภาษี และสารสนเทศสำคัญบนเว็บไซต์บริษัท และรายงานประจำปี
- จัดให้มีช่องทางร้องเรียน (Whistleblowing) ครอบคลุมประเด็นภาษีและการทุจริต พร้อมมาตรการคุ้มครองผู้ร้องเรียน และกระบวนการสอบสวนที่เป็นธรรม
เพื่อให้นโยบายด้านภาษีเกิดผลจริง บริษัทบูรณาการงานภาษีกับธรรมาภิบาลและระบบควบคุมภายในครอบคลุมทุกหน่วยงานและคู่ค้า ต่อไปนี้คือผลการดำเนินงานตามกรอบ ESG ที่ผลักดันการปฏิบัติภาษีให้ถูกต้อง โปร่งใส และรับผิดชอบ
- การปฏิบัติตามกฎหมาย บริษัทดำเนินการยื่นแบบและชำระภาษีถูกต้อง โปร่งใส และตรงเวลาในทุกเขตอำนาจศาล สอดคล้องนโยบายภาษีของบริษัท
- ผลด้านการเงินปี 2567 บริษัทรับรู้ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 160.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.0 ล้านบาท หรือ +15% จากปี 2566 สาเหตุหลักจากกำไรก่อนภาษีเพิ่มขึ้น และฐานเปรียบเทียบปีที่ผ่านมาได้รับสิทธิประโยชน์ภาษีสูงกว่า
-
การใช้สิทธิประโยชน์ภาษีอย่างรับผิดชอบ:
- ปี 2567 บริษัทได้รับสิทธิประโยชน์ภาษีจากการใช้พลังงานทดแทน (Solar) 10.5 ล้านบาท ตามโครงการติดตั้งโซลาร์ของบริษัท
- ปี 2566 บริษัทเคยได้รับสิทธิประโยชน์จาก BOI ด้านการลงทุนเครื่องจักร 24.2 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าปีปัจจุบัน
ทั้งนี้ บริษัทได้ยกระดับงานภาษีให้เป็นส่วนหนึ่งของธรรมาภิบาลและการควบคุมภายในทำให้การยื่นแบบและชำระภาษีดำเนินไปอย่างถูกต้อง โปร่งใส และตรวจสอบได้ในทุกเขตอำนาจศาล ปี 2567 บริษัทรับรู้ค่าใช้จ่ายภาษีเพิ่มขึ้นตามผลประกอบการ ขณะเดียวกันใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างรับผิดชอบตามข้อเท็จจริงทางธุรกิจ ได้แก่ สิทธิจากโครงการติดตั้งโซลาร์ของบริษัท (ปี 2567) และสิทธิ BOI ในปีก่อน โดยยึดหลักไม่จัดโครงสร้างเพื่อเลี่ยงภาษี การดำเนินการดังกล่าวตอกย้ำความมุ่งมั่นของบริษัทต่อการปฏิบัติภาษีที่ถูกต้องและเป็นธรรม ควบคู่กับการเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กรและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม
ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง
ลูกค้า
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
- ราคาที่เป็นธรรมจากการคำนวณภาษีถูกต้อง โปร่งใสในการออกใบกำกับภาษี/คืนภาษี ความต่อเนื่องของบริการเพราะไม่มีความเสี่ยงทางกฎหมาย
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- ราคาสินค้าอาจได้รับผลจากการเปลี่ยนแปลงภาษีของรัฐ ความสับสนจากกฎภาษีใหม่ต่อโปรโมชันหรือการออกเอกสาร
พนักงาน
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
- ลดความเสี่ยงทางกฎหมายในการทำงาน มีมาตรฐานและคู่มือภาษีชัดเจน โอกาสพัฒนาความรู้ภาษี
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- ภาระงานช่วงยื่นแบบ/ปิดงบสูงขึ้น ความกดดันจากกำหนดเวลาและความซับซ้อนของกฎหมาย
ผู้ถือหุ้น
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
- ความเสี่ยงกำกับดูแลลดลง ภาพลักษณ์บรรษัทภิบาลดี ความสามารถคาดการณ์กระแสเงินสดหลังภาษี
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- อัตราภาษีมีผลต่อกำไรสุทธิ ความผันผวนจากการเปลี่ยนแปลงกฎหมายหรือการตีความภาษี
คู่ค้าทางธุรกิจ
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
- เอกสารหัก ณ ที่จ่าย/ใบกำกับภาษีถูกต้อง ลดข้อโต้แย้งทางบัญชีและภาษี ความสัมพันธ์ธุรกิจมั่นคง
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- ภาระเอกสารและขั้นตอนเพิ่มขึ้น หากเอกสารไม่ครบถ้วนเสี่ยงต่อการเลื่อนชำระเงิน
ชุมชนและสังคม
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
- การจ่ายภาษีถูกต้องช่วยสนับสนุนรายได้รัฐและการพัฒนาท้องถิ่น เสริมความเชื่อมั่นต่อองค์กรโปร่งใส
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- ความเข้าใจคลาดเคลื่อนต่อประเด็นภาษีหากการสื่อสารไม่ชัดเจน ภาพลักษณ์ได้รับผลหากเกิดข้อพิพาทภาษี
หน่วยงานภาครัฐและอื่นๆ
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
- ได้ข้อมูลและการยื่นแบบตรงเวลา ง่ายต่อการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมาย
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- ภาระตรวจสอบเพิ่มขึ้นเมื่อมีธุรกรรมซับซ้อน พึ่งพาความถูกต้องของข้อมูลจากบริษัท