การจัดการห่วงโซ่อุปทาน การจัดการห่วงโซ่อุปทาน

การจัดการห่วงโซ่อุปทาน

การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

เป้าหมาย

ประเมินความเสี่ยงของคู่ค้ารายสำคัญ (Tier 1) ครบ 100%

ผลการดำเนินงานปี 2567

มีการประเมินความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจและความยั่งยืน (ESG) ของคู่ค้ารายสำคัญ Tier 1 จำนวน 25 ราย ทั้งแบบ Onsite และ ครบ 100%

ความมุ่งมั่น ความท้าทาย และโอกาส

บริษัทตระหนักถึงบทบาทของห่วงโซ่อุปทานในฐานะกลไกสำคัญที่เชื่อมโยงระหว่างการดำเนินธุรกิจและการสร้างคุณค่าร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียตลอดทั้งสายงานผลิตและบริการ ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาเครือข่ายคู่ค้าที่มีความรับผิดชอบ โปร่งใส และสอดคล้องกับแนวทางความยั่งยืน บริษัทจึงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ในทุกระดับของห่วงโซ่อุปทาน เพื่อเสริมสร้างความมั่นคง ความยืดหยุ่น และความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานด้านนี้ยังเผชิญกับความท้าทายจากโครงสร้างของคู่ค้าที่หลากหลาย โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดเล็กที่อาจขาดทรัพยากรหรือความพร้อมในการปรับตัวเข้าสู่มาตรฐานความยั่งยืนที่บริษัทกำหนด รวมถึงข้อจำกัดในการเข้าถึงข้อมูลและระบบการติดตามที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจส่งผลต่อความต่อเนื่องและความโปร่งใสของห่วงโซ่อุปทานโดยรวม

ในขณะเดียวกัน บริษัทยังมองเห็นโอกาสสำคัญในการยกระดับการทำงานร่วมกับคู่ค้าไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนร่วมกัน ผ่านการส่งเสริมความเข้าใจ การสนับสนุนองค์ความรู้ และการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการห่วงโซ่อุปทาน

ซึ่งจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจ พร้อมทั้งสร้างความเชื่อมั่นจากผู้มีส่วนได้เสีย และสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์กรในภาพรวม


แนวทางการจัดการและแนวปฏิบัติ

บริษัทมุ่งมั่นบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน ครอบคลุมตั้งแต่การคัดเลือกคู่ค้า การประเมินความเสี่ยง ไปจนถึงการพัฒนาและส่งเสริมคู่ค้าให้เติบโตไปพร้อมกัน โดยให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพ ความโปร่งใส ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ซึ่งแนวทางที่บริษัทฯ ดำเนินการ ได้แก่

  • กำหนดนโยบายจรรยาบรรณคู่ค้า (Supplier Code of Conduct) ให้ยึดถือหลักสิทธิมนุษยชน สภาพแวดล้อม และธรรมาภิบาลในกระบวนการผลิตสินค้าและบริการ
  • การประเมินความเสี่ยงด้าน ESG กับคู่ค้ารายสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่ม Tier 1 เพื่อสร้างมาตรฐานร่วมในด้านสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย แรงงาน และธรรมาภิบาล
  • การคัดเลือกและจัดกลุ่มคู่ค้าอย่างเป็นระบบ โดยพิจารณาจากปริมาณธุรกรรม ความสำคัญเชิงกลยุทธ์ และผลกระทบต่อธุรกิจ
  • การตรวจประเมินหน้างาน (Onsite Audit) กับคู่ค้าหลักอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าปฏิบัติตามข้อกำหนดด้าน ESG อย่างถูกต้อง
  • การส่งเสริมการใช้วัสดุหรือผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายในห่วงโซ่อุปทาน เช่น สินค้า Eco Product และบรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้
  • การจัดทำระบบติดตามและรายงานความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทาน เพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินหรือความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น
  • การสื่อสารนโยบายและจรรยาบรรณธุรกิจแก่คู่ค้า เพื่อสร้างความเข้าใจที่ตรงกันและสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

การประเมินความเสี่ยงของคู่ค้า

  • คู่ค้ากลุ่ม Critical Tier 1 ได้รับการประเมินความเสี่ยงด้าน ESG ผ่านแบบประเมินตนเอง (Self-Assessment) อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
  • มีการตรวจเยี่ยมสถานประกอบการของ Critical Tier 1 จำนวน 25 ราย ครบทุกแห่ง (คิดเป็น 100%)
  • ครอบคลุมหัวข้อด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล อาทิ การปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้แรงงานเด็ก ความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน การคุ้มครองข้อมูล และการต่อต้านคอร์รัปชัน
  • มีการให้คะแนนความเสี่ยงตามดัชนีที่กำหนด โดยผลลัพธ์แบ่งเป็น 3 ระดับ คือ
  • A (0-20%) ไม่มีความเสี่ยงรุนแรง
  • B (20.01%-70%) มีความเสี่ยงปานกลาง
  • C (70.01%-100%) มีความเสี่ยงสูง ต้องมีแผนปฏิบัติการแก้ไข
การประเมินความเสี่ยงของคู่ค้า

กระบวนการประเมินและติดตามผล

  • บริษัทจะมีการดำเนินการประเมินใหม่ทุกปี โดยวิเคราะห์ทั้งโอกาสเกิดและความรุนแรงของผลกระทบ (Impact x Likelihood)
  • สำหรับคู่ค้าที่พบความเสี่ยงสูง จะมีการติดตามการปรับปรุงตามแผนงานที่กำหนด และมีการตรวจประเมินซ้ำภายใน 6 เดือน
  • คู่ค้าที่ไม่สามารถปรับปรุงได้ตามมาตรฐาน อาจถูกพิจารณาหยุดความร่วมมือในอนาคต

แนวทางทั้งหมดนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานที่มีความยืดหยุ่น โปร่งใส รับผิดชอบ และพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงในทุกบริบทของธุรกิจสมัยใหม่

กระบวนการประเมินความเสี่ยงคู่ค้า

กระบวนการประเมินความเสี่ยงคู่ค้า

01

การระบุคู่ค้ารายสำคัญ

มีการจัดลำดับความสำคัญของคู่ค้า ทั้งกลุ่ม Tier 1 และ Non-Tier 1 โดยพิจารณาจากมูลค่าการจัดซื้อ ความสำคัญเชิงกลยุทธ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

02

การประเมินความเสี่ยงด้าน ESG สำหรับคู่ค้าหลัก

ประเมินความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม (ESG Risk Assessment) ของคู่ค้าหลักจำนวน 25 รายในกลุ่ม Critical Tier 1

03

การตรวจประเมินภาคสนาม

มีการดำเนินการตรวจประเมินด้าน ESG กับคู่ค้ากลุ่มสำคัญ (Critical Supplier–Tier 1) จำนวน 25 ราย เพื่อให้มั่นใจว่าคู่ค้าเป็นไปตามมาตรฐานด้านความยั่งยืน

04

การพัฒนากรอบการประเมิน ESG Supplier

พัฒนากรอบการประเมินคู่ค้าใน 3 มิติหลัก ได้แก่ Environmental, Social และ Governance โดยมีแผนนำไปใช้กับคู่ค้าใหม่ตั้งแต่ปี 2568

จำนวนคู่ค้าทั้งหมด

ในปี 2567-2568 บริษัทมีคู่ค้าทั้งหมด
1,267 ราย
แบ่งเป็นผู้จัดหาสินค้าสำเร็จรูปจำนวน 894 ราย และผู้จัดหาวัตถุดิบจำนวน 373 ราย โดยบริษัทได้ดำเนินการคัดเลือกคู่ค้ากลุ่มสำคัญที่มีความเสี่ยงเชิงกลยุทธ์ (Strategic Risk) และมีผลต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งสิ้น 25 ราย หรือคิดเป็น 1.97% ของจำนวนคู่ค้าทั้งหมด ซึ่งถูกระบุเป็น Critical Tier 1 Suppliers

ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง

ลูกค้า
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
  • ได้รับสินค้าที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และผลิตภายใต้กระบวนการที่โปร่งใส
  • สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของวัตถุดิบได้ (traceability)
  • มั่นใจในมาตรฐานสิ่งแวดล้อมและสังคมของสินค้า
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
  • ราคาสินค้าอาจสูงขึ้นจากการใช้วัตถุดิบหรือกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน ESG
  • อาจพบข้อจำกัดด้านความหลากหลายของสินค้าในช่วงเปลี่ยนผ่านการจัดการซัพพลายเชน
พนักงาน
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
  • ได้รับความรู้และทักษะใหม่เกี่ยวกับการบริหารจัดการซัพพลายเชนอย่างยั่งยืน
  • ทำงานในระบบที่มีมาตรฐาน ปลอดภัย และมีความรับผิดชอบ
  • ภูมิใจที่มีส่วนร่วมในองค์กรที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสังคม
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
  • ต้องปรับตัวต่อระบบจัดซื้อจัดจ้างหรือกระบวนการตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้น
  • ภาระงานเพิ่มขึ้นจากการติดตามข้อมูล ESG ของคู่ค้า
ผู้ถือหุ้น
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
  • เสริมภาพลักษณ์ด้าน ESG และความยั่งยืน ทำให้องค์กรน่าเชื่อถือมากขึ้นในตลาดทุน
  • ลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์การละเมิดสิ่งแวดล้อมในห่วงโซ่อุปทาน
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
  • ต้นทุนด้านการตรวจสอบและพัฒนา supplier อาจสูงขึ้นในระยะแรก
  • ระยะเวลาคืนทุนอาจนานจากการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบที่ยั่งยืน
คู่ค้าทางธุรกิจ
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
  • ได้รับการสนับสนุนให้พัฒนาศักยภาพตามแนวทาง ESG ทำให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ดีขึ้น
  • สร้างพันธมิตรทางธุรกิจระยะยาวและความไว้วางใจจากบริษัท
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
  • ต้องปรับระบบการผลิตหรือการจัดหาวัตถุดิบให้สอดคล้องกับข้อกำหนด ESG
  • อาจมีต้นทุนเพิ่มจากการปรับตัวหรือได้รับผลกระทบหากไม่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกของบริษัท
ชุมชนและสังคม
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
  • ได้รับผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่
  • มีโอกาสในการร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น เช่น sourcing วัตถุดิบจากชุมชน
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
  • หากการจัดการห่วงโซ่อุปทานไม่รัดกุม อาจเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือสังคมโดยรอบ
  • อาจเกิดความไม่เข้าใจหรือความคาดหวังต่อมาตรฐานที่บริษัทกำหนดกับคู่ค้าในพื้นที่
หน่วยงานภาครัฐและอื่นๆ
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
  • ได้รับความร่วมมือจากบริษัทในการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสีเขียวและการตรวจสอบซัพพลายเชน
  • ได้ข้อมูลที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ เพื่อใช้ในการประเมินความยั่งยืนของอุตสาหกรรม
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
  • ภาระงานเพิ่มขึ้นในการติดตามการปฏิบัติตามมาตรฐานของผู้ประกอบการและคู่ค้า
  • ต้องปรับปรุงแนวนโยบายให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของระบบห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน