การบริหารความเสี่ยงและความต่อเนื่องทางธุรกิจ
การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
เป้าหมาย
ผลการดำเนินงานปี 2567
ความมุ่งมั่น ความท้าทาย และโอกาส
บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) มุ่งมั่นที่จะบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างเป็นระบบและรอบด้าน ภายใต้กรอบการบริหารความเสี่ยงตามมาตรฐานสากล COSO ERM 2017 โดยผนวกการบริหารความเสี่ยงเข้ากับกลยุทธ์หลักและการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ถือหุ้น นักลงทุน ลูกค้า พนักงาน และผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย บริษัทให้ความสำคัญต่อ ความโปร่งใส ธรรมาภิบาล และการปฏิบัติตามกฎหมาย ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงเชิงป้องกันและเชิงรุก บริษัทฯ มุ่งเน้นการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับ ความปลอดภัย สุขภาพอนามัย และสิ่งแวดล้อม โดยยึดแนวทาง Zero Fatalities ไม่มีผู้เสียชีวิตจากการทำงาน และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ตลอดจนการบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการลงทุนใน Green Retail Store, Zero Energy Building และโครงการ Solar Rooftop ซึ่งสะท้อนความตั้งใจที่จะเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านที่คำนึงถึงความยั่งยืน ในด้านผลิตภัณฑ์และบริการ บริษัทมุ่งมั่นพัฒนา สินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกกลุ่ม ทั้งในแง่คุณภาพ ความคุ้มค่า และความยั่งยืน เช่น การนำเสนอสินค้าในกลุ่ม Furinbox เพื่อรองรับกำลังซื้อที่หลากหลาย และการพัฒนากลุ่ม Eco Product เพื่อตอบสนองกระแสรักษ์โลก ตลอดจนการยกระดับช่องทาง Omni Channel และ E-commerce เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าและบริการของบริษัทได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และคุ้มค่า
ในปี 2567 บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้านซึ่งเกิดจากทั้งปัจจัยภายนอกและภายในองค์กร ในระดับมหภาค ภาวะเศรษฐกิจไทยยังคงเปราะบางจากปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง อัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัวในระดับสูง และการฟื้นตัวของกำลังซื้อที่ชะลอตัว ขณะเดียวกันยังมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก ทั้งภาวะเงินเฟ้อ สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ และนโยบายการค้าของประเทศมหาอำนาจ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่กดดันต่อกำลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ด้านการแข่งขัน บริษัทฯ ต้องเผชิญกับคู่แข่งที่หลากหลาย ทั้งผู้ประกอบการเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่จากต่างประเทศ แพลตฟอร์มออนไลน์ และสินค้าราคาถูกจากจีนที่ทะลักเข้าสู่ตลาดไทย การแข่งขันไม่จำกัดเพียงด้านราคา แต่ยังครอบคลุมถึงคุณภาพสินค้า บริการหลังการขาย ความรวดเร็วในการจัดส่ง รวมไปถึงประสบการณ์การซื้อสินค้าแบบครบวงจรผ่าน Omni Channel ซึ่งคู่แข่งหลายรายพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
นอกจากนี้ พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเป็นอีกหนึ่งความท้าทายสำคัญ ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับความคุ้มค่า คุณภาพ และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันยังนิยมเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์และ Social Media ที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสูงขึ้น ทำให้บริษัทจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์การตลาด การออกแบบสินค้า และการสร้างแบรนด์ให้สอดคล้องกับความต้องการที่เปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง ในด้านการดำเนินงาน บริษัทต้องเผชิญกับความเสี่ยงจาก ต้นทุนวัตถุดิบ ค่าแรง และพลังงานที่ผันผวน รวมถึงความท้าทายในการบริหารจัดการสินค้าคงคลังที่ต้องรักษาสมดุลระหว่างการมีสินค้าเพียงพอต่อความต้องการและการควบคุมต้นทุน ขณะที่ความเสี่ยงด้าน Cybersecurity และการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลก็เป็นอีกหนึ่งโจทย์ที่ทวีความสำคัญขึ้นตามการขยายตัวของธุรกิจดิจิทัล สุดท้าย ความท้าทายด้าน ธรรมาภิบาลและการพึ่งพาผู้ถือหุ้นใหญ่ ก็เป็นสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญ เนื่องจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่มีสัดส่วนถือหุ้นสูง ซึ่งอาจสร้างความกังวลต่อดุลอำนาจการตัดสินใจในสายตาผู้ลงทุน

ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการแข่งขันที่รุนแรง บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) ยังคงมีโอกาสสำคัญในการสร้างการเติบโตและเสริมสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยหนึ่งในโอกาสหลักคือ การขยายสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มช่องทางรายได้และฐานลูกค้า โดยเฉพาะการเปิดตัวร้านสาขาใหม่ เช่น สาขาสระบุรีและรัตนาธิเบศร์ รวมถึงการขยายธุรกิจผ่านแฟรนไชส์ในต่างประเทศ เช่น อินเดีย ซึ่งจะช่วยสร้างเครือข่ายและขยายการรับรู้แบรนด์บริษัทไปสู่ตลาดใหม่
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้รับแรงสนับสนุนจาก การเติบโตของช่องทางการขายออนไลน์และ Omni Channel ซึ่งตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคยุคดิจิทัล การขายผ่าน Website, Social Media และ E-Marketplace ทำให้ยอดขายออนไลน์เติบโตต่อเนื่องในระดับ Double-digit สองปีซ้อน นับเป็นโอกาสในการขยายฐานลูกค้าใหม่และรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าเดิมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านผลิตภัณฑ์ ความนิยมใน สินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อม (Eco Product) และความต้องการบริการเสริม เช่น Home Service, การออกแบบ และการติดตั้ง ถือเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างความแตกต่างและเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้าและบริการของบริษัท ซึ่งไม่เพียงแต่ตอบสนองต่อกระแสรักษ์โลก แต่ยังช่วยสร้างความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว
โอกาสอีกประการหนึ่งที่สำคัญคือ การยกระดับภาพลักษณ์ด้าน ESG และความยั่งยืน ซึ่งบริษัทได้รับการยอมรับในระดับสากล เช่น การได้รับรางวัลหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ระดับ AA และ รางวัล Supply Chain Management Award จากเวที SET Awards 2024 สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงความสามารถในการสร้างคุณค่าทั้งในเชิงธุรกิจและต่อสังคม ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยเสริมความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนและผู้มีส่วนได้เสีย

ท้ายที่สุด การดำเนินกลยุทธ์ด้าน Green Retail Store และ Zero Energy Building ไม่เพียงช่วยลดต้นทุนพลังงานในระยะยาว แต่ยังเปิดโอกาสให้ILM ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ที่เชื่อมโยงกับแนวคิด “Sustainable Living for Future Lifestyle”ซึ่งจะเป็นจุดแข็งในการสร้างความแตกต่างและโอกาสในการแข่งขันในอนาคต
แนวทางการจัดการและแนวปฏิบัติ
นโยบายและแผนการบริหารความเสี่ยง
บริษัทฯ กำหนดนโยบายการบริหารความเสี่ยงและความปลอดภัยในด้านต่าง ๆ ของการดำเนินธุรกิจ การบริหารความเสี่ยงมุ่งเน้นไปที่การระบุ วิเคราะห์ และจัดการกับความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบทั้งด้านการเงินและชื่อเสียงของบริษัทฯ รวมถึงการบริหารความเสี่ยงด้านกลยุทธ์ การปฏิบัติการ การเงิน กฎหมาย และกฎระเบียบ
บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เน้นการบริหารความเสี่ยงโดยให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบ และมาตรฐานการดำเนินงานอย่างเคร่งครัด คณะกรรมการบริษัท มีบทบาทในการกำกับดูแลและติดตามการบริหารความเสี่ยงผ่านคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง
บริษัทฯ ใช้กรอบการบริหารความเสี่ยงตามมาตรฐานสากล COSO ERM 2017: Enterprise Risk Management Integrating with Strategy and Performance โดยเชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้าน ESG (Environment, Social, Governance) เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
กระบวนการบริหารความเสี่ยง
ระบุความเสี่ยง
ที่อาจจะเกิดขึ้นแล้วส่งผลกระทบต่อการบรรลุเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของบริษัท
ประเมินความเสี่ยง
พิจารณาจากผลกระทบและโอกาสในการเกิดของความเสี่ยง
จัดลำดับความเสี่ยง
พิจารณาจัดลำดับความสำคัญและความรุนแรงของความเสี่ยงทั้งหมดในภาพรวม
ตอบสนองความเสี่ยง
ดำเนินการเพื่อจัดการความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดยคำนึงถึงต้นทุนและประโยชน์จากการดำเนินการ
ติดตามและรายงาน
มีการติดตามการดำเนินการจัดการความเสี่ยงและรายงานผลการบริหารความเสี่ยงต่อคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงคณะกรรมการบริษัทรับทราบเป็นประจำ
| ประเภทความเสี่ยง | รายละเอียด | ผลกระทบ | แนวทางจัดการ |
|---|---|---|---|
| ความเสี่ยงด้านกลยุทธ์ | ความผันผวนเศรษฐกิจและภาคอสังหาริมทรัพย์ | กำลังซื้อหดตัว หนี้ครัวเรือนสูง ส่งผลต่อยอดขาย | ควบคุมต้นทุน, เพิ่มสินค้าราคาย่อมเยา (Furinbox), ขยายสาขาใหม่, ศึกษาความเป็นไปได้ก่อนลงทุน |
| การแข่งขันตลาดเฟอร์นิเจอร์และพื้นที่เช่า | ส่วนแบ่งตลาดลดลง, ต้นทุนสูง, อุปทานเช่าล้น | ใช้ศักยภาพโรงงาน, Omni Channel, Home Service, ทำเลศักยภาพ, รักษา Anchor Tenant | |
| การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค | ผู้บริโภคต้องการสินค้าคุ้มราคา/รักษ์โลก, ซื้อออนไลน์ | เพิ่ม Eco product, Furinbox, Omni Channel, AI Customer Experience | |
| Emerging Risk: Climate Change | ความเสี่ยงด้านภูมิอากาศ + Transition risk → ต้นทุน + compliance | Green Retail Store (ZEB), Solar Rooftop, โครงการรีไซเคิล, T-VER, BCP, ESG Integration | |
| ความเสี่ยงด้านการบริหารจัดการ | ต้นทุนวัตถุดิบและค่าแรงสูง | Margin ลดลง, กำไรต่ำ | ติดตามราคาวัตถุดิบ, ปรับราคา, มี supplier สำรอง, Solar Rooftop ลดพลังงาน |
| การบริหารสินค้าคงคลัง | ต้นทุนคงคลังสูง, สินค้าล้าสมัย | Demand Forecast, บริหาร supply chain, Clear stock promotion, ลด SKU | |
| Cybersecurity & IT | ภัยไซเบอร์, Data leakage, ชื่อเสียงเสียหาย | Cloud system, IT Audit, Hardware/Software upgrade, พนักงานอบรม, Cyber drill | |
| ความเสี่ยงด้านการกำกับดูแลกิจการ | การกำกับดูแลกิจการและต่อต้านคอร์รัปชัน | เสียความเชื่อมั่นนักลงทุน, Compliance risk | ปฏิบัติตาม ก.ล.ต./ตลท., CAC Membership, Whistleblowing, Audit ภายใน |
| ความเสี่ยงด้านการเงิน | ความผันผวนค่าเงิน | กระทบต้นทุนสินค้าและรายได้ต่างประเทศ | Natural Hedge, Forward Contract, ทบทวนราคา, สร้างความสัมพันธ์กับธนาคาร |
| ความเสี่ยงจากลูกหนี้ | หนี้สูญ, กระทบกระแสเงินสด | ใช้หลักประกัน (L/C, Guarantee), ตั้งค่าเผื่อหนี้สูญ, ตรวจสอบเครดิต | |
| ความเสี่ยงของผู้ถือหุ้น | การพึ่งพาผู้ถือหุ้นใหญ่ | มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ, ดุลอำนาจบอร์ด | โครงสร้างบอร์ดมีอิสระ 5/11, Audit Committee, Conflict of interest policy |
| ความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน | ความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน | เสี่ยงละเมิดสิทธิในซัพพลายเชน, ส่งผลชื่อเสียง | Human Rights Due Diligence, Risk mapping, Remediation plan |
ปัจจัยความเสี่ยงต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท
1. ความเสี่ยงจากความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจและภาคอสังหาริมทรัพย์
ในปี 2567 เศรษฐกิจโลกเผชิญความผันผวนและความไม่แน่นอนอย่างมาก ตั้งแต่ภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจปัญหาเงินเฟ้อ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางเศรษฐกิจของประเทศมหาอำนาจซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในวงกว้าง ที่มีอัตราการเติบโตที่อยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับภูมิภาคอาเซียนต่ำกว่าที่รัฐบาลคาดการณ์เอาไว้มาก ถึงแม้ว่าจำนวนท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามายังไทยในปี 2567 เติบโตมากขึ้นประมาณ 26% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่รายได้จากการท่องเที่ยวยังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติมาก รายได้ต่อหัวจากการท่องเที่ยวมีการปรับตัวลดลงและต่ำกว่าช่วงก่อนโควิดมาก นอกจากนี้การบริโภคภาคเอกชนมีการชะลอลงจากภาวะการเงินที่ตึงตัว หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งในปี 2567 เกิดปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจที่สินค้าราคาถูกจากจีนทะลักเข้ามาขายในประเทศไทยจำนวนมาก สร้างผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อยเป็นอย่างยิ่ง ในส่วนของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ยังคงหดตัวต่อเนื่อง จากปัจจัยกดดันด้านการฟื้นตัวของกำลังซื้อความเข้มงวดในการให้สินเชื่อของสถาบันการเงินและอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูง และราคาที่อยู่อาศัยที่ปรับตัวสูงขึ้นตามต้นทุนการก่อสร้างและราคาที่ดิน
ทั้งนี้ บริษัทได้กำหนดมาตรการบริหารความเสี่ยงโดยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจทั้งในด้านคุณภาพและความคุ้มค่าของราคา การสรรหาและคัดเลือกสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และการบริหารต้นทุนของสินค้าและการดำเนินงาน ส่งผลให้บริษัทเติบโตและมีผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีฐานะทางการเงินที่มั่นคง ซึ่งปัจจุบันบริษัทไม่มีภาระหนี้สินเงินกู้ยืมเงินระยะยาว จึงลดความเสี่ยงที่จะเกิดจากอัตราดอกเบี้ยที่สูง และส่งผลต่อต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้นตาม ทำให้บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ บริษัทยังคงวางเป้าหมายในการลงทุนขยายสาขาอย่างต่อเนื่องทั้งในธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจให้เช่าและให้บริการพื้นที่เช่า ตามแผนกลยุทธ์การขยายสาขาให้ครอบคลุมหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศไทย เพื่อเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้และกำไรให้แก่บริษัท โดยในปี 2567 บริษัทได้เปิดร้านอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ 2 สาขาได้แก่ สาขาสระบุรี (สาขาที่ 33) และสาขารัตนาธิเบศร์ (สาขาที่ 34) และในส่วนของ Little Walk ได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ 1 สาขา คือ สาขารัตนาธิเบศร์ (สาขาที่ 5) ซึ่งจะเปิดตัวในไตรมาสแรกของปี 2568 จากการเปิดสาขาใหม่ อาจมีความเสี่ยงจากผลการดำเนินงานของสาขาใหม่ รวมถึงความเสี่ยงในเรื่องของผลตอบแทนที่มีโอกาสไม่เป็นไปตามที่ได้ประมาณการไว้ บริษัทบริหารความเสี่ยงของการลงทุนโดยได้ทำการวิเคราะห์และศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ (Feasibility study) เพื่อนำมาใช้ในการตัดสินใจก่อนการลงทุน นอกจากนี้ บริษัทยังควบคุมการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนงบประมาณประจำปีที่ได้วางไว้ พร้อมกับติดตามผลการดำเนินงานของสาขาอย่างใกล้ชิด หากมีปัญหาหรือไม่เป็นไปตามแผน บริษัทจะปรับกลยุทธ์และแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที
บริษัทกำหนดแผนการสรรหาและคัดเลือกสินค้าให้สามารถครอบคลุมได้ทุกกลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้า Mass ที่เป็นฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น และในสถานการณ์ที่ทิศทางกำลังซื้อของผู้บริโภคที่มีแนวโน้มที่จะชะลอตัวประกอบกับสินค้าจีนราคาถูกทะลักเข้ามาในประเทศ หากแต่คุณภาพอาจไม่ได้ตามที่ผู้บริโภคคาดหวัง โดยบริษัทได้เพิ่มแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ "furinbox" ที่มีราคาย่อมเยา แต่ยังคงคุณภาพตามมาตรฐานของบริษัท เข้ามาตอบโจทย์ลูกค้า และลดความเสี่ยงดังกล่าว บริษัทได้เปิดโซน furinbox โดยใช้ประโยชน์จากพื้นที่ขายภายในร้านอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์เสริมให้มีสินค้าครบครันมากขึ้น และดึงดูดลูกค้าด้วยสินค้าย่อมเยาเข้ามาช้อปปิ้งที่สาขาซึ่งสร้างโอกาสในต่อยอดการขายสินค้าอื่นๆ ได้ ซึ่งยอดขายของ furinbox ในปี 2567เติบโตอย่างก้าวกระโดด สะท้อนถึงแผนกลยุทธ์ของบริษัทที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง
นอกจากนี้ บริษัทขับเคลื่อนกลยุทธ์การเพิ่มรายได้ผ่านการขายออนไลน์ที่มีศักยภาพสูง เป็นที่นิยมและเติบโตไวปัจจุบันเป็นยุคแห่งดิจิทัล ผู้บริโภคต้องการความสะดวกสบายในการซื้อสินค้า บริษัทได้ขยายช่องทางการขายออนไลน์ให้หลากหลายและครอบคลุม เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าของบริษัทได้สะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็น Website, Social Media และ E-Marketplace และบริษัทยังเพิ่มความหลากหลายของสินค้าทั้งประเภทเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านให้มีมากขึ้น อีกทั้งยังวางแผนการตลาดที่มีประสิทธิภาพไม่ว่าจะเป็นโฆษณาและโปรโมชั่นที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ จึงทำให้ยอดขายของช่องทางออนไลน์เติบโตแบบ Double-digit growth ถึงสองปีซ้อน เป็นผลจากการวางแผนกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพของบริษัท ที่สามารถสร้างความเติบของรายได้ได้เป็นอย่างดีท่ามกลางการแข่งขันบนโลกออนไลน์ที่ดุเดือด ด้านการส่งออก บริษัทยังคงวางแผนขยายการเติบโตในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ช่วงปลายปี 2567 บริษัทได้ขยายการเติบโตไปยังประเทศอินเดีย ซึ่งบริษัทได้มอบสิทธิ์แฟรนไชส์ให้แก่ Creaticity กลุ่มธุรกิจค้าปลีกรวมสินค้าไลฟ์สไตล์ครบวงจร ที่เปิดมานานกว่า 16 ปี ในเมืองปุเณ ประเทศอินเดีย เพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการเติบโตให้แก่บริษัทอย่างยั่งยืน
ในสถานการณ์ที่การบริโภคของผู้บริโภคชะลอตัว มีความระมัดระวังในการใช้จ่าย บริษัทได้วางแนวทางในการบริหารจัดการต้นทุนสินค้า ด้วยนำศักยภาพการมีโรงงานเป็นของบริษัทเอง ทำให้ควบคุมวัสดุ คุณภาพที่ได้ระดับสากล ในราคาที่สามารถแข่งขันได้ ส่งผลให้ลูกค้ามั่นใจในสินค้าของบริษัท รวมทั้งการบริหารค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เพิ่มผลิตภาพ (Productivity) ในการทำงาน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของบริษัท นอกจากนี้ บริษัทยังตระหนักถึงการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายแบบยั่งยืน ทั้งการติดตั้ง solar rooftop เพื่อผลิตไฟฟ้าแสงอาทิตย์ทดแทนในทุกสาขา การประหยัดการใช้พลังงานและปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้ไฟฟ้าตามโครงการ energy saving รวมไปถึงการเปิดร้านอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ สาขาสระบุรี ในรูปแบบ Green Retail Store อาคารประหยัดพลังงานรายแรกค้าปลีกไทย "Zero Energy Building" เพื่อส่งต่ออากาศสะอาด ยกระดับคุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อมที่ยังยืน
2. ความเสี่ยงจากสภาวะการแข่งขันในตลาดเฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งบ้าน และธุรกิจพื้นที่เช่า
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าในปี 2567-2568 ตลาดเฟอร์นิเจอร์โดยรวมจะฟื้นตัวได้อย่างจำกัด เนื่องจากความต้องการใช้เฟอร์นิเจอร์สำหรับที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มถูกกดดันจากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยอดขายใหม่ยังไม่ฟื้นตัว แต่ยังได้รับอานิสงค์จากความต้องการใช้เฟอร์นิเจอร์ในกลุ่มสำนักงานและกลุ่มธุรกิจโรงแรมที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมาชดเชยได้บ้าง อย่างไรก็ดี ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ของไทยยังต้องเผชิญความเสี่ยงจาก
- กำลังซื้อในประเทศที่ยังเปราะบาง และภาวะหนี้ครัวเรือนที่สูง
- การแข่งขันที่อยู่ในระดับสูง รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์จีนที่เข้ามาทำตลาดทั้งช่องทาง Online และ Offline
- ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากตัววัตถุดิบและค่าแรงงานนอกจากนั้น ในระยะข้างหน้าอาจมีมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดมากขึ้น รวมถึงกระแสของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
บริษัทตระหนักถึงปัจจัยความเสี่ยงด้านการแข่งขันที่มีความรุนแรงขึ้นในตลาดเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านบริษัทได้ใช้ความได้เปรียบในศักยภาพที่มีโรงงานเป็นของบริษัทเอง ทำให้ควบคุมวัสดุ คุณภาพที่ได้ระดับสากล ในราคาที่สามารถแข่งขันได้ เพื่อตอบโจทย์ของลูกค้าในยุคปัจจุบัน ที่ต้องการทั้งคุณภาพและความคุ้มราคา อีกทั้งบริษัทยังให้บริการที่ครบวงจรทั้งการออกแบบ จัดส่งและติดตั้งทั่วประเทศ รวมทั้งมีสินค้าที่หลากหลายให้ลูกค้าเลือกสรร ทั้งสินค้าขายปลีก และสินค้า Customization และยังมีบริการเสริมต่างๆ จาก Home Service ที่เสริมเข้ามาให้บริการครบจบในที่เดียว ในส่วนของความหลากหลายของสินค้า บริษัทได้เพิ่มแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ "furinbox" ที่มีราคาย่อมเยา แต่ยังคงคุณภาพตามมาตรฐานของ
บริษัท เข้ามาตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการทั้งคุณภาพและคุ้มราคา บริษัทได้เปิดโซน furinbox โดยใช้ประโยชน์จากพื้นที่ขายภายในร้านอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ เสริมให้มีสินค้าครบครันมากขึ้น และดึงดูดลูกค้าด้วยสินค้าย่อมเยาเข้ามาช้อปปิ้งที่สาขาซึ่งสร้างโอกาสในต่อยอดการขายสินค้าอื่นๆ ได้ ซึ่งยอดขายของ furinbox ในปี 2567 เติบโตอย่างก้าวกระโดด สะท้อนถึงแผนกลยุทธ์ของบริษัทที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง
บริษัทได้ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมากมีการผนวกแนวคิดด้าน ESG รวมกับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง จนได้รับรางวัลหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ระดับ AA ประจำปี 2567 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และในปี 2567 บริษัทได้เปิดร้านอินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์ สาขาสระบุรี ในรูปแบบ Green Retail Store อาคารประหยัดพลังงานรายแรกค้าปลีกไทย "Zero Energy Building" เพื่อส่งต่ออากาศสะอาด ยกระดับคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ยังยืน ภายใต้แนวคิด 'Sustainable Living for Future Lifestyle' เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแห่งอนาคตอย่างยั่งยืน
สำหรับธุรกิจพื้นที่ค้าปลีกให้เช่า ในส่วนของกรุงเทพฯและพื้นที่รอบนอกและปริมณฑล ในปี 2567 รายได้มีแนวโน้มทรงตัวหรือปรับลดลงโดยเฉพาะอาคารเกรด B และอาคารเก่า เนื่องจากเป็นทำเลที่ราคาที่ดินไม่สูงมากและหาที่พัฒนาโครงการได้ง่าย จึงจูงใจนักลงทุนรายใหม่เข้าสู่ตลาดต่อเนื่อง ทำให้มีการแข่งขันสูง อีกทั้งผู้เช่าส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดกลาง-เล็ก มีความเปราะบางต่อภาวะเศรษฐกิจ จึงเป็นปัจจัยจำกัดการปรับขึ้นของอัตราค่าเช่า บริษัทได้ตระหนักถึงความเสี่ยงของการที่อุปทานล้นตลาดต่อเนื่อง การเลือกที่ตั้งของ The Walk และ Little Walk จึงเป็นปัจจัยสำคัญ โดยบริษัทจะเลือกทำเลที่มีศักยภาพที่รายล้อมไปด้วยโครงการที่อยู่อาศัยใกล้กับแหล่งสถานที่สำคัญ เน้นการเดินทางสะดวกเชื่อมต่อเส้นทางหลายสาย และที่สำคัญครอบคลุมกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง นอกจากนี้บริษัทใส่ใจในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพันธมิตรทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ The Walk และLittle Walk มีผู้เช่าหลัก (Anchor Tenant) ที่เป็นแบรนด์ชั้นนำซึ่งดึงดูดทั้งผู้ประกอบหรือผู้เช่ารายย่อย และผู้บริโภคมาใช้บริการเพิ่มขึ้น และมีการควบคุมและดูแลบริหารต้นทุนของธุรกิจให้เช่าและให้บริการพื้นที่เช่าให้มีประสิทธิภาพ ทั้งมีความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้เช่าได้ ส่งผลให้อัตราการเช่าเพิ่มขึ้นจากปีก่อน
ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรือความต้องการของลูกค้า / ผู้บริโภค
ปี 2567 ผู้บริโภคไทยมีความกังวลในเรื่องความผันผวนของเศรษฐกิจมหภาคจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทย อย่างมาก และเรื่องเงินเฟ้อ จึงทำให้ผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการใช้จ่าย โดยรักษาสมดุลระหว่างการใช้จ่ายที่จำเป็นและการปรับไลฟ์สไตล์ของตนให้ดีขึ้น สรรหาวิธีใช้จ่ายที่คุ้มค่ามากที่สุด ผู้บริโภคจะเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายเป็นเลือกซื้อสินค้าให้คุ้มค่าที่สุดโดยไม่ลดทอนคุณภาพสินค้า และการดุแลสิ่งแวดล้อมยังเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ และเลือกซื้อสินค้าที่ได้การรับรองจากองค์กรที่เป็นที่ยอมรับ และผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังนิยมซื้อของผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ซึ่งการโฆษณาบนโซเชียลมีเดียมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของเป็นอย่างมาก
บริษัทได้วางแผนกลยุทธ์ในการคัดเลือกสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างชัดเจนในเรื่องของความคุ้มราคา โดยเพิ่มสินค้าหลากหลายภายใต้แบรนด์furinbox ที่มีราคาย่อมเยา แต่คงคุณภาพตามมาตรฐานของบริษัทที่เป็นที่ยอมรับทั่วไป ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในปี 2567 มียอดขายอย่างก้าวกระโดด รวมทั้งบริษัทยังเพิ่มความสะดวกในการให้บริการอื่นๆ แก่ลูกค้าไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ การจัดส่งและติดตั้ง การผลิตแบบCustomization ตามความต้องการเฉพาะของลูกค้า และการบริการอื่นๆ แบบครบวงจรของ Home Service รวมทั้งจัดโปรโมชั่นนำคะแนนสมาชิก Joy card มาเป็นส่วนลดเป็นการเพิ่มความคุ้มค่าในทุกรูปแบบให้แก่ลูกค้า อีกทั้งบริษัทมีนโยบายการผลักดันการพัฒนาสินค้ากลุ่ม Eco product และแพ็คเก็จจิ้ง ทั้งที่ผลิตจากวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยประหยัดพลังงาน และมีความปลอดภัยต่อสุขภาพและอนามัย เพื่อตอบโจทย์เทรนด์การเลือกสินค้าของผู้บริโภคยุคใหม่ ซึ่งสินค้า Eco product ของบริษัทมียอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และผู้บริโภคส่วนใหญ่เต็มใจที่จะจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่อซื้อสินค้าในกลุ่มเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เรื่องของช่องทางการขาย ปัจจุบันเป็นยุคแห่งดิจิทัลผู้บริโภคต้องการความสะดวกสบายในการซื้อสินค้า บริษัทได้ขยายช่องทางการขายออนไลน์ให้หลากหลายและครอบคลุม เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าของบริษัทได้สะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็น Website, Social Media และE-Marketplace และบริษัทยังเพิ่มความหลากหลายของสินค้าทั้งประเภทเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านให้มีมากขึ้น อีกทั้งยังวางแผนการตลาดที่มีประสิทธิภาพไม่ว่าจะเป็นโฆษณาและโปรโมชั่นที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ จึงทำให้ยอดขายของช่องทางออนไลน์เติบโตแบบ Double-digit growth ถึงสองปีซ้อนเป็นผลจากการวางแผนกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพของบริษัทที่สามารถสร้างความเติบของรายได้ได้เป็นอย่างดีท่ามกลางการแข่งขันบนโลกออนไลน์ที่ดุเดือดเพื่อให้เข้าใจความต้องการของลูกค้าและปรับปรุงการให้บริการเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น บริษัทได้นำระบบ Customer Experience มาเพื่อเชื่อมโยงการประเมินความพึงพอใจของลูกค้าจากบริการจัดส่งสินค้าและติดตั้งรวมทั้งการสอบถาม Active Feedback ตรงจากลูกค้า และใช้ระบบ AI ในการวิเคราะห์ความพึงพอใจจากความคิดเห็นของลูกค้า แจ้งเตือนความคิดเชิงลบของลูกค้าให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงทีโดยทุกข้อมูลที่ได้รับจากลูกค้าจะถูกนำมาวิเคราะห์ปัญหาถึงสาเหตุที่แท้จริง เพื่อนำไปปรับปรุงได้อย่างเหมาะสม
ความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
งานศึกษาหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจในอนาคต ทั้งความเสี่ยงทางกายภาพคือความเสี่ยงที่มีความเชื่อมโยงใกล้ชิดกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยคุกคามด้านภูมิอากาศ และความเสี่ยงจากการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ (transition risk) คือความเสี่ยงที่เกิดจากกระบวนการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อมุ่งสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ทั้งการเปลี่ยนแปลงนโยบาย กฎหมาย เทคโนโลยี และรสนิยมผู้บริโภคซึ่งเป็นความท้าทายใหม่ของประเทศไทยในการเปลี่ยนผ่านเพื่อเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ตามเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามความตกลงปารีสให้เป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ในปี 2065 และเป็นภารกิจของภาคเอกชนที่ต้องมีการจัดการเรื่องการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
บริษัทได้ตระหนักถึงความสำคัญของผลกระทบและความเสี่ยงดังกล่าว ในปี 2567 บริษัทจึงได้พัฒนาโครงการ Green Retail Store ณ ร้านอินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์ สาขาสระบุรี เป็นต้นแบบอาคารประหยัดพลังงานรายแรกค้าปลีกไทย และแห่งแรกในเซาท์อีสต์เอเชีย เพื่อปั้นเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่รวมความครบครันด้านสินค้าและบริการเรื่องบ้าน รวมถึงยังเป็นเซฟโซนที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับทุกคนภายใต้อาคาร 'Zero Energy Building' พร้อมชูจุดเด่นได้แก่
- ประหยัดพลังงาน ใช้พลังงานสุทธิ (Net Consumption) จากค่าเฉลี่ยของอาคาร ห้างสรรพสินค้าอยู่ที่ 308 kWh/m -y จะลดลง มีค่าต่ำกว่า 112 kWh/m -yซึ่งเป็นการใช้พลังงานภายใต้เกณฑ์ Zero Energy Building (ZEB) ของอาคารห้างสรรพสินค้า
- สร้างคุณภาพอากาศที่ปลอดภัย เพื่อสุขภาวะที่ดีสำหรับลูกค้าและพนักงาน ได้แก่ ค่าฝุ่น PM 2.5 ใกล้เคียงระดับ 0 และ อุณหภูมิและความขึ้นสัมพัทธ์อยู่ในระดับที่ทำให้รู้สึกสบาย ซึ่งค่าฝุ่นและระดับความชื้นจะแสดงผลที่หน้าจอภายในอาคารแบบเรียลไทม์, ปลอดภัยจากสารก่อมะเร็ง (VOC) และระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) อยู่ในระดับต่ำรวมถึงแบคทีเรียและเชื้อรา ต่ำกว่ากว่าค่ามาตรฐาน(500 cfu/m3)
- ช่วยลดต้นทุน สำหรับค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการอาคารได้ โดยมีจุดเด่นในการใช้พลังงานสุทธิที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของห้างทั่วไป และInsulated Glass ลดการถ่ายเทความร้อนทั้งภายในและภายนอกอาคาร
บริษัทยังคงดำเนินการติดตั้งระบบพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ (Solar Rooftop) ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี 2561 เพื่อนำพลังงานสะอาดแทนไฟฟ้ามาใช้ในร้านอินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์ ศูนย์กระจายสินค้า และโรงงาน ปัจจุบันมีการติดตั้งทั้งหมด 28 แห่ง เพื่อเป็นการประหยัดพลังงานอย่างยั่งยืน และได้เข้าร่วมโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก (Low Emission Support Scheme: Less) จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก(องค์การมหาชน) (อบก.) โดยในปี 2567 สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 7,617.73 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO eq) สำหรับโครงการ Solar rooftop นอกจากนี้บริษัทยังมีโครงการคัดแยกขยะรีไซเคิล และการนำขยะอินทรีย์ประเภทอาหารไปใช้เป็นอาหารสัตว์ ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 6,899.04 tCO,eq รวมเป็น 14,160.681 tCO eq (หมายเหตุ 1 ปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจกประจำปี 2567 อยู่ระหว่างการยื่นขอรับรองจาก อบก.)
บริษัทยังได้เข้าร่วมโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program: T-VER) จาก อบก. เพื่อแสดงว่าโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา สาขาอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ (Solar Rooftop System of Index Living Mall Public Company Limited) ได้รับการขึ้นทะเบียนโครงการเรียบร้อยแล้ว 2 โครงการ รวมทั้งหมด 14 สาขา จากประเด็นความด้าน ESG ที่มีความเข้มข้นขึ้นทำให้ผู้ประกอบการในธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ โดยเฉพาะผู้ส่งออกทั่วโลก ต้องเผชิญกับความท้าทายสำคัญจากมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศคู่ค้าที่เป็นผู้นำเข้าเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ของโลก ซึ่งบริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการปรับตัวในการดำเนินธุรกิจ และปรับกลยุทธ์การจัดการด้าน Supply Chain จนได้รับรางวัล "Highly Commended Supply Chain Management Awards" ประเภทกลุ่มรางวัล Sustainability Excellence จากเวที SET Awards 2024 สำหรับกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด สูงกว่า 10,000 ล้านบาทแต่ไม่เกิน 30,000 ล้านบาท และได้รับรางวัลหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ระดับ AA ประจำปี 2567 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้รับผลการประเมินแบบก้าวกระโดดถึง 2 ระดับ จากปี 2566 ที่ติดอันดับหุ้นยั่งยืนเป็นปีแรกด้วยระดับ BBB โดยการประเมินเรตติ้ง ครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่ยึดกรอบความยั่งยืนรอบด้าน ครอบคลุมทั้งมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) ภายใต้แนวคิดหลักของบริษัทฯ "Sustainable Living for Future Lifestyle" เพื่อสร้างคุณภาพชีวิต สังคม สิ่งแวดล้อมที่ดี ตามหลักธรรมาภิบาลสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
อีกทั้ง บริษัทได้เตรียมความพร้อมของการเตรียมรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติที่อาจจะเกิดขึ้นโดยมีแผนการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Plan : BCP) ที่ชัดเจน และการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนที่คำนึงถึงมิติสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายทางด้านความยั่งยืนของบริษัท โดยมีการกำหนดนโยบายจัดการสิ่งแวดล้อม เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านกลไกการประหยัดพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ สนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนและปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด รวมไปถึงการจัดการขยะและของเสียจากห่วงโซ่คุณค่าของบริษัท
นอกจากนี้ บริษัทมีนโยบายและเป้าหมายในการพัฒนาสินค้าใหม่ที่เป็น Eco Product ทั้งเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ให้มีขนาดเล็กลง กระทัดรัดง่ายต่อการขนส่ง และปริมาณในการใช้พลาสติกห่อหุ้มลดลง เพื่อช่วยลดพื้นที่ในการวางสินค้าซึ่งส่งผลให้จำนวนรอบในการขนส่งสินค้าลดลง และช่วยลดปริมาณพลาสติกซึ่งเป็นปัจจัยในการสร้างก๊าซเรือนกระจกทั้งทางตรงและทางอ้อม
ความเสี่ยงจากการความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบและค่าใช้จ่ายอื่นๆ
ต้นทุนของธุรกิจผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ประกอบด้วยต้นทุนค่าสินค้า ต้นทุนแรงงาน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ได้แก่ ค่าสาธารณูปโภค ค่าโฆษณาและส่งเสริมการขาย อัตราการทำกำไรของธุรกิจมีแนวโน้มถูกกดดันจากต้นทุนการผลิต จากราคาไม้และอลูมิเนียมที่ปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ราคาเหล็กแม้จะมีทิศทางปรับตัวลดลง แต่ยังมีความผันผวนอยู่มาก และค่าแรงงานที่มีโอกาสปรับขึ้นตามนโยบายปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำของรัฐบาล จะส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น
บริษัทมีการติดตามความเคลื่อนไหวของราคาวัตถุดิบและราคาพลังงานอย่างใกล้ชิด และได้ประเมินผลกระทบของราคาต้นทุนสินค้าที่สูงขึ้นล่วงหน้า เพื่อหาแนวทางในการลดผลกระทบจากต้นทุนที่ปรับตัวขึ้น โดยมีทบทวนราคาสินค้า โดยเฉพาะสินค้าเฟอร์นิเจอร์ที่มีสัดส่วนการใช้ไม้ปาร์ติเกิ้ลบอร์ดสูง และสินค้านำเข้าทั้งหมด เพื่อพิจารณาปรับเพิ่มราคาขายให้เหมาะสมและยังสามารถแข่งขันได้ในตลาด รวมทั้งมีการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ขายวัตถุดิบหลัก อีกทั้ง บริษัทมีการวางแผนการผลิตล่วงหน้าร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างโรงงานกับฝ่าย Supply Chain ให้มีความยืดหยุ่นในการปรับตัวเรื่องการผลิตให้สอดคล้องกับการขายจริงที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงทีและระมัดระวังค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการนำเข้า รวมทั้ง สรรหาผู้ผลิตและผู้ขายในประเทศทดแทนการนำเข้า ในการสรรหาและจัดซื้อสินค้า บริษัทมีการสังซือ
สินค้ากับผู้ขายสำหรับสินค้า โดยรวบรวมสินค้าหลายรายการเพื่อให้ได้ปริมาณที่สามารถได้ราคาที่ถูกลงและยืนยันราคาต้นทุนเดิมในระยะเวลา 6 เดือน ถึง 1 ปี เพื่อลดความเสี่ยงในช่วงที่ราคาต้นทุนมีความผันผวน หรือค่าเงินผันผวนอย่างรุนแรง นอกจากนี้ ยังได้เตรียมผู้ขายสำรองทั้งในประเทศและต่างประเทศสำหรับในสินค้าประเภทเดียวกัน เพื่อเป็นทางเลือกอื่นหากต้นทุนของผู้ขายหลักมีการเปลี่ยนแปลงแบบมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ บริษัทมุ่งพัฒนาและออกแบบให้สินค้ามีการใช้วัสดุ ส่วนประกอบร่วม และประเภทของแพ็คเกจจิ้งที่สามารถใช้ร่วมกันได้ เพื่อให้ได้ปริมาณสั่งซื้อที่สามารถต่อรองให้ได้ต้นทุนที่ดีขึ้น และลดจำนวน SKU ที่ต้องบริหารจัดการ โดยการปรับการออกแบบสินค้า จะคำนึงไม่ให้กระทบกับฟังกชันการใช้งานและความสวยงามของสินค้า มีต้นทุนที่แข่งขันได้และ margin ในระดับที่เหมาะสมกรณีราคาต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทได้วางแผนในการบริหารจัดการและควบคุมค่าใช้จ่ายของกลุ่มบริษัทอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาพลังงาน โดยดำเนินการติดตั้งสถานีเติมน้ำมัน (Fuel Bunker) ภายในศูนย์กระจายสินค้า ซึ่งทำให้บริษัทสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายจากอัตราค่าน้ำมันที่ดีขึ้นและได้รับ Rebate จากการเติมน้ำมันได้อีกทางด้วย บริษัทสามารถประหยัดค่าไฟฟ้าจากการใช้ประโยชน์ของหลังคาโรงงานและสาขาของ Index Living Mall ติดตั้ง Solar Rooftop เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าทดแทนมาอย่างต่อเนื่อง มีการปรับเปลี่ยนระบบปรับอากาศให้มีประสิทธิภาพและประหยัดไฟฟ้า รวมถึงการนำรถไฟฟ้ามาใช้ในการจัดส่งสินค้า ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและลดเกิดก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกได้ในระยะยาว
ความเสี่ยงจากการบริหารสินค้าคงคลัง
บริษัทให้ความสำคัญกับนโยบายการควบคุมสินค้าคงคลังอย่างเข้มข้น เพื่อให้รองรับการส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าและการขยายธุรกิจของบริษัทในขณะเดียวกัน ต้องมีบริหารจัดการให้ระดับสินค้าคงคลังอยู่ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดจากการต้นทุนในการบริหารจัดการและการจัดเก็บสินค้าคงคลัง และการเสื่อมสภาพและเสียหายของสินค้า
บริษัทมีการบริหารสินค้าคงคลังตลอดทุกกระบวนการ Supply Chain ดังนี้การสั่งซื้อสินค้าที่มีการนำระบบ Demand Forecast มาช่วยในการทำประมาณการณ์สั่งซื้อสอดคล้องกับเป้าขายที่ได้ตกลงร่วมกันกับฝ่ายขาย เพื่อช่วยในการบริหารและควบคุมการเปิดการสั่งซื้อที่สูงจนเกินไป มีประสิทธิภาพและแม่นยำสูงขึ้น บริษัทมีการบริหารสินค้าคงคลังตลอดทุกกระบวนการ Supply Chain ดังนี้
- การสั่งซื้อสินค้าที่มีการนำระบบ Demand Forecast มาช่วยในการทำประมาณการณ์สั่งซื้อสอดคล้องกับเป้าขายที่ได้ตกลงร่วมกันกับฝ่ายขาย เพื่อช่วยในการบริหารและควบคุมการเปิดการสั่งซื้อที่สูงจนเกินไป มีประสิทธิภาพและแม่นยำสูงขึ้น
- บริหารแผนการสั่งซื้อสินค้าที่ทำงานร่วมกับโรงงานของบริษัทอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถผลิตและมีสินค้าเพียงพอในช่วงโปรโมชั่นหรือการส่งงานโครงการ โดยไม่สูญเสียโอกาสในการขายและไม่สร้างสต็อกสินค้ามากเกินความจำเป็น
- กำหนดเกณฑ์ในการจัดการสินค้าใหม่อย่างเข้มข้น ร่วมกันระหว่างทีมกลยุทธ์พัฒนาผลิตภัณฑ์และทีม Trading เพื่อจัดการสต็อกสินค้าใหม่ตั้งแต่ต้นทาง
- ปรับเกณฑ์ในการจัดทำ Class สินค้าให้สะท้อนผลการดำเนินงาน และกำหนดนโยบายในการจัดการสินค้าแต่ละ Class เพื่อนำมาจัดการสินค้าต่อ อาทิผลักดันการขาย ยกเลิกสินค้าที่ไม่สร้างกำไร ซึ่งเป็นการควบคุมสต็อกสินค้าจากต้นทาง
- มุ่งเน้นเคลียร์สต็อกสินค้าประเภทที่เคลื่อนไหวช้าและสินค้าล้าสมัย ด้วยการจัดโปรโมชั่น การให้ส่วนลด และจัดงาน DC Clearance Sale เป็นประจำ
จากแนวโน้มการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันต้องอาศัยเทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุนธุรกิจมากขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Cyber Threat) ปัญหาภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น และ หากระบบสารสนเทศและเทคโนโลยีเกิดมีปัญหาหรือเกิดการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า หรือความเสี่ยงจากการโจรกรรมข้อมูลสำคัญ การลักลอบเข้ามาแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูล หรือการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์หลอกลวง (Phishing) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้าและผู้ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งผลกระทบเชิงลบต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของบริษัท
บริษัทได้ดำเนินการเพิ่มเติมในการดูแลความปลอดภัยของข้อมูลและระบบสารสนเทศ โดยมีการกำหนดแผนดำเนินการเพื่อรองรับกรณีเกิดเหตุ Cyber Attack มีการติดตามและตรวจสอบและแจ้งเตือนกรณีเกิดการรั่วไหลของข้อมูลหรือเหตุคุกคามทางไซเบอร์ นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มระดับความปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศหลักบริษัทได้ปรับปรุง Server ให้ขึ้นไปอยู่บน Cloud สำหรับการทำงานของระบบ และ IT Infrastructure กำหนดให้มีการสอบทานการควมคุมเป็นประจำทั้งภายใน และผู้ตรวจสอบภายนอก พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่ด้านระบบควบคุมการทำงาน และแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นตลอดเวลา บริษัทมีแผนในการสรรหาและพัฒนาระบบ Hardware และ Software ให้มีความทันสมัยเพื่อรับมือกับอาชญากรรมทางไซเปอร์รูปแบบใหม่และป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยผู้ไม่เกี่ยวข้อง
บริษัทจึงมีการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยให้แก่เครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ รวมทั้งจัดการสื่อสารและให้ความรู้กับพนักงานทั้งองค์กรเพื่อให้เกิดความเข้าใจและตระหนักถึงเรื่องภัยคุกคามทางไซเบอร์ความปลอดภัยด้านการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลและการละเมิดข้อมูลของลูกค้าอย่างไม่เหมาะสม ตลอดจนดำเนินการด้านการจัดการช่องโหว่ด้านความมั่นคงทางไซเบอร์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการเกิดสถานการณ์ที่อาจนำไปสู่การโจมตีทางไซเบอร์โดยมีการทำการทดสอบการโจมตีระบบสารสนเทศ และประเมินจากผู้เชี่ยวชาญ ป้องกัน จุดอ่อน และแก้ไขระบบสารสนเทศภายในบริษัทฯ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นมีทดสอบการจัดการเหตุการณ์ความไม่มั่นคงทางไซเบอร์ เพื่อจัดการและลดความเสียหาย จากสถานการณ์การโจมตีทางไซเบอร์ เพื่อประเมินและวิเคราะห์สาเหตุ ข้อสังเกต และข้อแนะนำ เพื่อป้องกันการเกิดสถานการณ์ในอนาคต
ความเสี่ยงด้านการกำกับดูแลกิจการ
การกำกับดูแลกิจการภายใต้คณะกรรมการบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการบริหารกิจการอย่างยั่งยืน โดยส่งเสริมให้บริษัทฯ มีการมีการปฏิบัติงานตามหลักจรรยาบรรณธุรกิจของบริษัท แนวปฏิบัติที่ดีสำหรับกรรมการบริษัท กฎระเบียบ ระเบียบและแนวปฏิบัติ ที่เกี่ยวข้องของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักกรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นอกจากนี้บริษัท ยังให้ความสำคัญต่อการเปิดเผยข้อมูลและความโปร่งใส โดยกำหนดไว้ในแนวปฏิบัติที่ดี ที่อยู่ในคู่มือการกำกับดูแลกิจการที่ดีและจรรยาบรรณองค์กรที่ได้เปิดเผยไว้บนเว็บไซต์ของบริษัทฯ เพื่อให้ผู้ถือหุ้นและผู้ที่สนใจได้รับทราบ โดยคำนึงถึงความถูกต้อง ครบถ้วน เพียงพอ กันเวลา และเชื่อถือได้ อีกทั้งการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินและข้อมูลที่ไม่ใช่การเงินตามกฎหมาย กฎเกณฑ์ และข้อบังคับต่างๆ ที่เกี่ยวข้องผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์ เช่น การเปิดเผยข้อมูลในแบบ 56-1 One Report ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ โดยมีหน่วยงานนักลงทุนสัมสัมพันธ์ และเลขานุการบริษัทรับผิดชอบในการตอบข้อซักถาม
นอกนี้บริษัทได้เข้าเป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (Thai Private Sector Collective Action Against Corruption : CAC) ในปี 2565 และมีอยู่ระหว่างการดำเนินการต่ออายุอย่างต่อเนื่องในปี 2568 ซึ่งบริษัทได้ดำเนินการเพื่อกำกับดูแลกิจการให้มีบรรษัทภิบาลที่ดี มีความน่าเชื่อถือ โปร่งใสไร้ทุจริตคอร์รัปชัน และเป็นไปตามนโยบายการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน มีการจัดช่องทางรับเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชันจากผู้มีส่วนได้เสีย และมีการสอบทานการควบคุมภายในและกระบวนการทำงานที่มีความเสี่ยงด้านทุจริตคอร์รัปชันโดยหน่วยงานตรวจสอบภายในเป็นประจำทุกปี ทั้งนี้ เพื่อให้พนักงานทุกคนตระหนักถึงพิษภัยของการทุจริตคอร์รัปชัน และเข้าใจแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องและเหมาะสม บริษัทจัดให้มีการสื่อสารความรู้และประชาสัมพันธ์เรื่องการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน และจัดอบรมให้กับพนักงานใหม่ที่ต้องเข้าร่วมทุกคน
ความเสี่ยงด้านการเงิน (Financial Risk)
ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในปี 2567 ค่าเงินบาทยังคงมีความผันผวนที่สูงมาก เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานภายในประเทศยังคงเปราะบางกว่าในอดีต และเศรษฐกิจไทยเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้าง ทำให้ค่าเงินบาทยังมีความผันผวนอยู่ แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลงในช่วงปลายปี 2567 โดยบริษัทมีการบริหารและจัดการความเสี่ยงจากสถานการณ์ตลาดการเงินที่ยังมีความไม่แน่นอน ซึ่งมีผลกระทบทางตรงต่อมูลค่าสินค้านำเข้า และค่าใช้จ่ายในการนำเข้าวัตถุดิบและสินค้า รวมทั้งรายได้จากการขายสินค้าไปต่างประเทศและรายได้ค่ารอยัลตี้จากการขายแฟรนไชส์ร้านของบริษัทอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทั้งนี้ บริษัทยังคงมีการบริหารจัดการด้านอัตราแลกเปลี่ยนอย่างเคร่งครัด เพื่อบริหารความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนที่มีต่อทั้งการนำเข้าสินค้าและรายได้จากต่างประเทศของบริษัทให้อยู่ในระดับมีเหมาะสม โดยบริษัทมีการจัดทำ Natural Hedge จากธุรกรรมการขายสินค้า และซื้อวัตถุดิบของบริษัท รวมทั้งมีการทบทวนการตั้งราคาสินค้าที่นำเข้าใหม่ให้ครอบคลุมต่อค่าใช้จ่ายในการนำเข้าสินค้าและการผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนให้ยังสามารถรักษาอัตรากำไรไว้อย่างเหมาะสม รวมทั้งบริษัทยังมีนโยบายการจัดการความเสี่ยงจากการผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนด้วยการเข้าทำสัญญาเงินตราต่างประเทศโดยเข้าทำสัญญาอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้า เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในบางช่วงเวลา นอกจากนี้ มีการ
ติดตามสถานการณ์การเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด ตลอดจนมีการสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับสถาบันการเงินต่างๆ รวมถึงติดตามข่าวสารและข้อมูลจากธนาคารเป็นประจำเพื่อประเมินสถานการณ์และหาทางป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นลูกหนี้ ธุรกิจค้าปลีก ลูกค้าของบริษัท แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ
- กลุ่มรายย่อย คือลูกค้าหน้าร้านและลูกค้าออนไลน์ที่ส่วนใหญ่ขายสินค้าเป็นเงินสด
- กลุ่มลูกค้าโครงการในประเทศ
- กลุ่มลูกค้าต่างประเทศ ในกลุ่มที่ 2 และ 3เป็นกลุ่มที่มีการซื้อขายเป็นจำนวนมาก
บริษัทอาจมีการพิจารณาให้เครดิตตามความเหมาะสม โดยพิจารณาผลการดำเนินงาน สถานะทางการเงิน ความสามารถในการชำระหนี้เป็นหลัก เพื่อลดความเสี่ยงในการไม่ได้รับชำระ เนื่องด้วยลูกค้าสองกลุ่มนี้มีระยะเวลาในการผลิตและส่งมอบนาน ลูกหนี้จะต้องมีการวางหลักประกันเพื่อเป็นการประกันการชำระหนี้ ได้แก่ หนังสือค้ำประกัน และ Letter of Credit เป็นต้น ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 และ 2567 มีลูกหนี้ค้างชำระจำนวน xx บาทและ xx บาทตามลำดับ โดยส่วนใหญ่เป็นลูกค้าโครงการ ซึ่งบริษัทได้ประเมินระยะการชำระหนี้ และพิจารณาการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญอย่างเหมาะสมและเพียงพอแล้ว
การพึ่งพิงผู้ถือหุ้นรายใหญ่หรือบริษัทในเครือของผู้ถือหุ้นรายใหญ่หรือผู้บริหาร
ณ วันที่ 31 มกราคม 2567 ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท คือกลุ่มครอบครัวปัทมสัตยาสนธิ และบริษัทครอบครัวธรรมดาพาณิชย์ จำกัด ถือหุ้นรวมทั้งหมดในบริษัท จำนวน 378.19 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 74.89 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท ดังนั้น ผู้ถือหุ้นรายอื่นของบริษัทฯ จึงมีความเสี่ยงการมีกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่มากกว่าร้อยละ 50.0 ซึ่งมีอิทธิพลต่อการกำหนดนโยบายการบริหารงาน รวมถึงการถ่วงดุลอำนาจในการโหวตคะแนนในเรื่องที่ผู้ถือหุ้นใหญ่เสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาบริษัทตระหนักถึงการบริหารจัดการธุรกิจด้วยธรรมภิบาล ที่มีความโปร่งใส และตรวจสอบได้ จึงได้จัดโครงสร้างการจัดการของบริษัท ซึ่งประกอบด้วยคณะกรรมการบริษัท คณะกรรมการตรวจสอบ และคณะกรรมการบริหาร โดยคณะกรรมการแต่ละชุดจะมีการกำหนดขอบเขตอำนาจหน้าที่อย่างชัดเจน
ปัจจุบัน โครงสร้างคณะกรรมการบริษัทประกอบด้วยกรรมการทั้งหมด 11 ท่าน ในจำนวนนี้มีกรรมการที่เป็นกรรมการอิสระจำนวน 5 ท่าน โดยมีกรรมการอิสระดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการตรวจสอบ 3 ท่าน เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบ ถ่วงดุลการตัดสินใจ และพิจารณาอนุมัติรายการต่างๆ ก่อนนำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น นอกจากนี้ ในกรณีที่เข้าทำรายการที่เกี่ยวโยงกันกับกรรมการ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ผู้มีอำนาจควบคุม กิจการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงบุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง บุคคลดังกล่าวจะไม่มีสิทธิออกเสียงในการอนุมัติรายการดังกล่าว และในกรณีที่มีการเสนอขายหลักทรัพย์ที่กระทบต่อผู้ถือหุ้น ผู้ถือหุ้นรายย่อยมีสิทธิออกเสียงคัดค้าน โดยใช้คะแนนเสียงเพียงร้อยละ 10 ของผู้ถือหุ้นที่มาร่วมประชุม รวมทั้งในการอนุมัติรายการจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ("สำนักงาน ก.ล.ต.") และ ตลาดหลักทรัพย์ฯ
การลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัทต่างประเทศ
ไม่มี
ความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน
บริษัท ยังคงมุ่งมั่นดำเนินงานตามหลักสิทธิมนุษยชนที่เชื่อมโยงโดยตรงกับบริษัท ตลอดจนบริษัทย่อยภายใต้การจัดการของบริษัทฯ คู่ค้าและนิติบุคคลทั้งหมดในห่วงโซ่อุปทาน รวมถึง ผู้เช่า ลูกค้า ผู้รับเหมา และผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องที่ได้รับผลกระทบจากกิจกรรมการดำเนินงานของบริษัทจากขอบเขตการดำเนินงานดังกล่าว บริษัทฯ ได้เริ่มจัดทำการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence) เพื่อให้คำแนะนำ ระบบจัดลำดับความสำคัญการจัดการความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน ตลอดจนการสื่อสารต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มเกี่ยวกับการเคารพสิทธิมนุษยชนของบริษัท ซึ่งได้รับความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อกำหนดแนวทางและรูปแบบในการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับการดำเป็นธุรกิจของบริษัทฯ การกำหนด มาตรการจัดการปัญหา และการเยียวยาผู้ถูกละเมิดสิทธิ์อย่างเหมาะสม
ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง
ลูกค้า
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
- ได้รับสินค้าคุณภาพหลากหลาย ราคาคุ้มค่า (เช่น Furinbox, Eco Product)
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- พฤติกรรมเปลี่ยนแปลง รอสินค้าราคาถูก/รักษ์โลก, ความไม่พอใจต่อคุณภาพหรือบริการอาจกระทบความเชื่อมั่น
คู่ค้าทางธุรกิจ
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
- มีโอกาสร่วมมือพัฒนา Supply Chain ยั่งยืน, การสั่งซื้อสม่ำเสมอช่วยสร้างรายได้
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- ความเสี่ยงจากต้นทุนวัตถุดิบผันผวน, การพึ่งพาซัพพลายเออร์รายหลักมากเกินไป
พนักงาน
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
- ได้รับการพัฒนาในระบบ Omni Channel, Digital Skills, ESG
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- ความเสี่ยงจากการปรับตัวไม่ทันต่อเทคโนโลยีและการแข่งขัน, ความมั่นคงการจ้างงานเมื่อเศรษฐกิจชะลอตัว
ผู้ถือหุ้น
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
- ผลประกอบการเติบโต, การจ่ายปันผล, ความมั่นใจจาก SET ESG Ratings ระดับ AA
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- ความเสี่ยงจากการพึ่งพาผู้ถือหุ้นใหญ่, ความผันผวนเศรษฐกิจและค่าเงินที่กระทบกำไร
ชุมชนและสังคม
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
- ได้รับประโยชน์จากการจ้างงานและกิจกรรม CSR, Green Retail Store (Zero Energy Building)
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินงาน/ห่วงโซ่อุปทาน หากจัดการไม่ดีอาจถูกวิพากษ์วิจารณ์
หน่วยงานภาครัฐและอื่นๆ
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
- ปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน สิ่งแวดล้อม และการเปิดเผยข้อมูลโปร่งใส
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- ความเสี่ยงหากไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบใหม่ ๆ เช่น สิ่งแวดล้อม/ภาษี/แรงงาน
คู่ค้าเชิงธุรกิจ (เช่น ผู้เช่าพื้นที่ใน The Walk, Little Walk)
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
- ได้ทำเลศักยภาพ ดึงดูดลูกค้าเพิ่ม, เกิด Anchor Tenant ที่แข็งแกร่ง
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- หากอุปทานล้นตลาด/เศรษฐกิจชะลอตัว ผู้เช่าเปราะบาง เสี่ยงไม่ต่อสัญญา