การจัดการน้ำและน้ำเสีย
การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
เป้าหมาย
ผลการดำเนินงานปี 2567
ความมุ่งมั่น ความท้าทาย และโอกาส
บริษัทให้ความสำคัญกับทรัพยากรน้ำในฐานะทรัพยากรธรรมชาติที่มีความจำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจและต่อความเป็นอยู่ของชุมชนโดยรอบอย่างยั่งยืน องค์กรจึงมุ่งมั่นในการบริหารจัดการน้ำและน้ำเสียอย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยยึดหลักการลดการใช้น้ำจากแหล่งน้ำดิบ สนับสนุนการใช้น้ำหมุนเวียนและนำน้ำกลับมาใช้ซ้ำ ตลอดจนการพัฒนาและปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสียให้ได้คุณภาพตามมาตรฐานกฎหมายและสามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้ องค์กรมีเป้าหมายในการลดปริมาณการใช้น้ำสุทธิต่อรายได้ลง 10% และเพิ่มสัดส่วนการใช้น้ำหมุนเวียนขึ้น 10% ภายในปี 2570 เมื่อเทียบกับปีฐาน 2566 ซึ่งเป็นการตั้งเป้าเชิงกลยุทธ์เพื่อส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะเป้าหมายที่ 6 ว่าด้วยน้ำสะอาดและการสุขาภิบาล
อย่างไรก็ตาม การบริหารจัดการน้ำยังเผชิญความท้าทายที่หลากหลาย ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพของแหล่งน้ำ รวมถึงการบริหารจัดการระบบภายในอาคารและสาขาที่มีรูปแบบการใช้น้ำแตกต่างกันตามขนาดและลักษณะกิจกรรม การควบคุมการใช้น้ำของผู้เช่าในสาขาหรือศูนย์การค้าเดอะวอล์คบางแห่งซึ่งไม่สามารถกำหนดแนวทางบังคับใช้ได้อย่างสมบูรณ์ การสื่อสารให้พนักงานและผู้มีส่วนได้เสียเข้าใจบทบาทในการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า ตลอดจนต้นทุนในการลงทุนปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสียและระบบรีไซเคิลที่อาจยังต้องใช้ระยะเวลาคืนทุนระยะยาว นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังเพิ่มความเสี่ยงในเรื่องความแปรปรวนของแหล่งน้ำในอนาคต ซึ่งอาจส่งผลต่อการดำเนินงานได้หากไม่มีการวางแผนและปรับตัวที่เหมาะสม
ในขณะเดียวกัน องค์กรยังมองเห็นโอกาสจากการยกระดับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมโดยการนำเทคโนโลยีการจัดการน้ำสมัยใหม่เข้ามาใช้ เช่น ระบบบำบัดน้ำเสียแบบ MBBR (Moving Bed Biofilm Reactor) และ MBR (Membrane Bioreactor) ที่มีประสิทธิภาพสูงในการกำจัดมลพิษจากน้ำเสียและสามารถนำน้ำกลับมาใช้ในกิจกรรมรอง เช่น รดน้ำต้นไม้หรือทำความสะอาดพื้นที่

นอกจากนี้ การพัฒนาความร่วมมือกับผู้เช่าในการรีไซเคิลน้ำ การส่งเสริมพฤติกรรมการใช้น้ำอย่างรับผิดชอบในระดับพนักงาน รวมถึงการสื่อสารสาธารณะด้านความยั่งยืนที่เน้นถึงความสำเร็จในการลดการใช้น้ำและเพิ่มการใช้น้ำหมุนเวียน ยังเป็นกลไกที่สำคัญในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้านสิ่งแวดล้อมขององค์กร และอาจต่อยอดไปสู่การได้รับการยอมรับในระดับประเทศหรือภูมิภาค เช่น
รางวัลศูนย์การค้าดีเด่นด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการน้ำ ซึ่งจะยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันและดึงดูดนักลงทุนที่สนใจใน ESG
แนวทางการจัดการและแนวปฏิบัติ
บริษัทมีการจัดการน้ำใช้ประเภทน้ำประปาและน้ำบาดาล โดยมีแผนการซ่อมบำรุงและตรวจสภาพของระบบการจ่ายน้ำภายในอาคาร ทั้งของสำนักงานใหญ่ สาขาอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์และเดอะวอล์คทุกสาขา ศูนย์กระจายสินค้า และโรงงาน ให้ได้มาตรฐานอย่างต่อเนื่อง โดยมีการสื่อสารกับพนักงานเพื่อประหยัดการใช้น้ำและมีการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า โดยในส่วนของการจัดการน้ำใช้บริษัทได้กำหนดแนวทางการจัดการ ดังนี้
กลไกการบริหารจัดการ
การวางระบบการจัดการน้ำใช้ในสถานที่ปฏิบัติงาน
แนวทางการดำเนินงาน
บริษัทมีการใช้แหล่งน้ำทั้งจากระบบ น้ำประปา และน้ำบาดาล เพื่อรองรับการใช้น้ำในกิจกรรมต่าง ๆ ภายในอาคารสำนักงาน สาขาอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์และเดอะวอล์คทุกสาขา ศูนย์กระจายสินค้า และโรงงาน โดยมีการออกแบบระบบการจ่ายน้ำให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานแต่ละประเภท เช่น
- การแยกระบบท่อน้ำสำหรับน้ำดื่ม/น้ำใช้ทั่วไป และน้ำในระบบสุขาภิบาล
- การใช้ปั๊มน้ำประสิทธิภาพสูง เพื่อควบคุมแรงดันและลดการสูญเสียน้ำระหว่างระบบจ่าย
- ติดตั้งมาตรวัดน้ำ (Water Meter) แยกตามอาคาร/พื้นที่ เพื่อใช้ในการบริหารและตรวจสอบการใช้น้ำรายเดือน
- ติดตั้งระบบ Invertor เพื่อควบคุมการทำงานของระบบปั้มน้ำของอาคาร

การตรวจสอบและบำรุงรักษาระบบจ่ายน้ำ
แนวทางการดำเนินงาน
บริษัทมีการจัดทำ แผนการซ่อมบำรุงเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) สำหรับระบบจ่ายน้ำทั้งหมด โดยมีรายละเอียดที่ปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง เช่น
- ตรวจสอบรอยรั่วของท่อและวาล์วน้ำภายในอาคารเป็นประจำ
- ตรวจสอบการทำงานของอุปกรณ์ควบคุมน้ำ เช่น วาล์ว ปั๊มแรงดัน มาตรวัด
- ตรวจสอบคุณภาพน้ำในกรณีที่ใช้บ่อน้ำบาดาล ว่ามีค่าความสะอาดหรือค่าการปนเปื้อนอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด

การรณรงค์และสื่อสารกับพนักงาน
แนวทางการดำเนินงาน
บริษัทมุ่งเน้นให้พนักงานทุกระดับมีส่วนร่วมในการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า ผ่านการสื่อสารและกิจกรรมภายในองค์กร เช่น
- ติดตั้ง สื่อประชาสัมพันธ์ เช่น ป้ายรณรงค์ “ใช้น้ำอย่างประหยัด” บริเวณจุดใช้น้ำ เช่น ห้องน้ำ อ่างล้างมือ และพื้นที่บริการสาธารณะ
- จัดกิจกรรม อบรม/ประชุมภายใน เพื่อให้ความรู้ด้านการประหยัดน้ำ เช่น การแจ้งเตือนปิดน้ำเมื่อไม่ใช้งาน การตรวจสอบรอยรั่ว หรือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้น้ำในชีวิตประจำวัน
- ส่งเสริมให้พนักงาน รายงานปัญหาเกี่ยวกับระบบน้ำ ที่พบเห็นในพื้นที่ปฏิบัติงานผ่านช่องทางภายใน เช่น แอปพลิเคชัน หรือกล่องรับเรื่องร้องเรียน

ติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลการใช้น้ำ
แนวทางการดำเนินงาน
บริษัทมีระบบบันทึกและติดตามปริมาณการใช้น้ำในแต่ละเดือน และนำข้อมูลมาใช้ในการวิเคราะห์แนวโน้ม เช่น
- การเปรียบเทียบการใช้น้ำเทียบกับรายได้
- การตั้งเป้าหมายลดการใช้น้ำในระยะกลางและยาว หรือเปลี่ยนไปใช้ระบบน้ำหมุนเวียนในกระบวนการผลิตมากขึ้น

สำหรับแนวทางการจัดการน้ำเสีย บริษัทให้ความสำคัญในการจัดการคุณภาพน้ำเสีย โดยมีโครงการนำร่อง 2 โครงการที่ใช้นวัตกรรมการบำบัดน้ำเสียแบบใหม่มาใช้ในการปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสีย ในช่วงปี 2565 - 2566 ได้แก่ โครงการศูนย์การค้าเดอะวอล์ค สาขาราชพฤกษ์ และสาขาเกษตรนวมินทร์ ซึ่งนำระบบ Moving Bed Biofilm Reactor (MBBR) และระบบ Membrane Bio Reactor (MBR) มาใช้ในการบำบัดน้ำเสีย โดยระบบ Moving Bed Biofilm Reactor (MBBR) เป็นการเพิ่มตัวกลางที่เป็นพลาสติกที่รับการออกแบบเป็นพิเศษ เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการยึดเกาะของจุลินทรีย์ ส่วนระบบ Membrane Bio Reactor (MBR) เป็นเทคโนโลยีการผสมผสานระหว่างการใช้จุลินทรีย์เพื่อกำจัดของเสียที่ละลายในน้ำและการกรองผ่านเยื่อเมมเบรนที่มีรูพรุนขนาด 0.4 ไมครอนทำหน้าที่เป็นตัวกรองน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้ว ออกจากระบบ ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของกระบวนการบำบัดน้ำเสียแบบแอกทิเวเต็ดสลัดจ์ (Activated Sludge)
เพื่อให้การจัดการน้ำเสีย มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง และมีคุณภาพน้ำที่ดีเป็นไปตามมาตรฐาน ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน บริษัทจึงส่งเสริมให้มีการศึกษาและเรียนรู้นวัตกรรมในการบำบัดน้ำเสียแบบใหม่อย่างต่อเนื่องและนำมาปรับใช้กับการจัดการน้ำเสียของบริษัท
ตลอดจนมีการหมุนเวียนน้ำที่ผ่านการบำบัดกลับมาใช้ใหม่ (Zero discharge) เพื่อให้สามารถหมุนเวียนทรัพยากรน้ำให้นำกลับมาใช้ใหม่อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง
ผู้ถือหุ้น
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
- ลดความเสี่ยงด้านกฎหมายและสิ่งแวดล้อม
- ส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กรและความยั่งยืน - สนับสนุนผลประกอบการระยะยาว
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- อาจมีต้นทุนในการลงทุนปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสียและจัดการน้ำเพิ่มขึ้นในระยะสั้น
ลูกค้า
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
- มั่นใจในความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมของแบรนด์
- ได้ใช้สินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- ราคาสินค้าอาจสูงขึ้น หากต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมถูกถ่ายโอนมายังผู้บริโภค
คู่ค้าทางธุรกิจ
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
- ได้ร่วมดำเนินงานกับองค์กรที่มีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม
- มีโอกาสในการร่วมพัฒนาห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- อาจต้องปรับตัวหรือปฏิบัติตามมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมที่บริษัทกำหนด เช่น การจัดการน้ำเสียของตนเอง เป็นต้น
ชุมชนและสังคม
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
- ลดความเสี่ยงต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม จากน้ำทิ้งที่ปล่อยออกสู่ภายนอกขององค์กรมีคุณภาพดีผ่านเกณฑ์มาตรฐาน
- สร้างความเชื่อมั่นในองค์กร
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- หากระบบบำบัดน้ำเสียล้มเหลว อาจส่งผลต่อระบบนิเวศและคุณภาพชีวิตของชุมชนที่อยู่ใกล้เคียง
หน่วยงานภาครัฐและอื่นๆ
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
- ความร่วมมือกับองค์กรเอกชนที่ปฏิบัติตามกฎหมายสิ่งแวดล้อม
- สนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศ
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- ต้องมีระบบติดตามและประเมินผลที่รัดกุม เพื่อให้แน่ใจว่าองค์กรดำเนินงานเป็นไปตามที่รายงานหรือไม่
พนักงาน
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
- ทำงานในองค์กรที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและมีความยั่งยืน
- ได้รับการฝึกอบรมและเสริมสร้างจิตสำนึกเรื่องการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- อาจมีภาระงานเพิ่มขึ้นจากมาตรการประหยัดน้ำหรือการมีส่วนร่วมในกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมขององค์กร