การจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและพลังงาน การจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและพลังงาน

การจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและพลังงาน

การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

เป้าหมาย

ปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจกภายใต้โครงการ LESS เพิ่มขึ้น 20% ในปี 2570 เทียบกับปีฐาน 2565 (หน่วยวัด: ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า)
Carbon Neutrality ในปี พ.ศ. 2593
Net Zero ในปี พ.ศ.2608
ลดการใช้ไฟฟ้าต่อรายได้ 10% ภายในปี 2570 (หน่วยวัด: กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อล้านบาท)

ผลการดำเนินงานปี 2567

มีปริมาณการใช้ไฟฟ้ารวม
62,940 mWh
โดยเป็นพลังงานไฟฟ้าจาก Solar Rooftop จำนวน 15,684 mWh
เปิดอาคารต้นแบบ
Zero Energy
แห่งแรกในอาเซียน
พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มุ่งเน้นขยายสัดส่วน
สินค้า Eco Product
ดำเนินโครงการประหยัดพลังงาน (Energy Saving)
ดำเนินโครงการ Index goes Green’s
ดำเนินโครงการจัดการของเสียแยกรีไซเคิล ลดปริมาณการฝังกลบ
สามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้รวม
16,035.42 tCO2eq

ในปี 2567 ได้เข้าร่วมดำเนินโครงการ LESS กับ อบก. ผ่าน 4 โครงการ ได้แก่

  1. โครงการติดตั้งระบบพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์
  2. โครงการคัดแยกขยะเพื่อการรีไซเคิล
  3. โครงการนำขยะอินทรีย์ประเภทเศษอาหารไปใช้เป็นอาหารสัตว์
  4. โครงการปรับเปลี่ยนเครื่องทำน้ำเย็นประสิทธิภาพสูง

คิดเป็นปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้น 29.81% เทียบกับปีฐาน 2565 หรือเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ประมาณ 11.54%

ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
1,599 เทียบเท่าต่อปี
ดำเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยสมัครใจภายใต้โครงการ (T-VER) ครอบคลุมสาขาจำนวน 23 แห่ง ช่วยให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้รวม 4,652 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี และในปี พ.ศ. 2567 ได้ขึ้นทะเบียนในโครงการจำนวน 9 สาขา

ความมุ่งมั่น ความท้าทาย และโอกาส

บริษัทให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการจัดการพลังงานและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ซึ่งครอบคลุมทั้งการใช้ไฟฟ้า การบริหารจัดการน้ำมันและเชื้อเพลิง และการประเมินและติดตามปริมาณการปล่อยคาร์บอนจากกิจกรรมขององค์กร โดยบริษัทได้กำหนดนโยบาย เป้าหมาย และมาตรการต่าง ๆ อย่างชัดเจนเพื่อมุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

บริษัทมีความมุ่งมั่นในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมผ่านการปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในสำนักงาน สาขา ศูนย์กระจายสินค้า และโรงงาน การติดตั้งระบบ Solar Rooftop เพื่อผลิตไฟฟ้าทดแทน การใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะในการบริหารจัดการระบบปรับอากาศและไฟฟ้าแสงสว่าง รวมถึงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพนักงานในการประหยัดพลังงานและลดการปล่อยคาร์บอน นอกจากนี้ ILM ยังตั้งเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ได้แก่ การเป็นองค์กรที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2608 และบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2593 สะท้อนถึงความตั้งใจในการลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในเชิงกลยุทธ์

แม้ว่าบริษัทจะมีแผนและโครงการด้านสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจน แต่ยังคงเผชิญกับความท้าทายที่หลากหลาย เช่น ความผันผวนของต้นทุนการลงทุนในเทคโนโลยีพลังงานทดแทนและระบบที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดในระยะสั้น รวมถึงข้อจำกัดด้านพื้นที่หรือโครงสร้างพื้นฐานในการติดตั้งระบบพลังงานใหม่ในบางสาขาหรือศูนย์กระจายสินค้า อีกทั้งการติดตาม ตรวจวัด และรายงานผลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ครบถ้วนตามกรอบมาตรฐาน เช่น GHG Protocol หรือ ISO 14064 ยังเป็นความท้าทายด้านข้อมูลที่ต้องการ การบูรณาการร่วมกันจากหลายฝ่ายในองค์กร นอกจากนี้ยังมีความจำเป็นในการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับพนักงานและคู่ค้าเกี่ยวกับบทบาทของตนในการมีส่วนร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

การดำเนินงานด้านพลังงานและการจัดการการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกถือเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างความแตกต่างทางธุรกิจ บริษัทสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากการเป็นองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่และนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับ ESG (Environmental, Social, Governance) ยิ่งไปกว่านั้น การลงทุนในพลังงานทดแทนและระบบที่มีประสิทธิภาพ ยังช่วยลดต้นทุนพลังงานในระยะยาว และลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายหรือกฎระเบียบเกี่ยวกับการปล่อยคาร์บอนในอนาคต อาทิ ภาษีคาร์บอน หรือข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อมทั้งในระดับประเทศและสากล

ขณะเดียวกัน ILM ยังสามารถใช้ข้อมูลการลดคาร์บอนเป็นเครื่องมือในการสื่อสารความยั่งยืนและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ทั้งผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้า และชุมชนโดยรอบ


แนวทางการจัดการและแนวปฏิบัติ

บริษัทได้ตระหนักถึงความสำคัญของผลกระทบและความเสี่ยงด้านการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกและการจัดการพลังงาน ในปี 2567 บริษัทจึงได้พัฒนาโครงการ Green Retail Store ณ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ สาขาสระบุรี เป็นต้นแบบอาคารประหยัดพลังงานรายแรกในค้าปลีกไทย และแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อชี้เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ร่วมความครบครันด้านสินค้าและบริการในตัวบ้าน

รวมถึงยังเป็นเซฟโซนที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับทุกคนภายในอาคาร ‘Zero Energy Building’

นอกจากนี้ บริษัทยังคงดำเนินการติดตั้งระบบพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ (Solar Rooftop) ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี 2561 เพื่อนำพลังงานสะอาดมาใช้แทนไฟฟ้าในสาขาอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์และเดอะวอล์ค ศูนย์กระจายสินค้า และโรงงาน ปัจจุบันมีการติดตั้งทั้งหมด 28 แห่ง เพื่อเป็นการประหยัดพลังงานอย่างยั่งยืน และได้เข้าร่วมโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก (Low Emission Support Scheme: LESS) จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก.) โดยในปี 2567 สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 7,617.73 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

ทั้งนี้ เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทจึงได้กำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อมในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการจัดการพลังงาน ดังนี้

นโยบายและแนวปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อมในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการจัดการพลังงาน
  • ดำเนินธุรกิจและกิจกรรมของบริษัทให้สอดคล้องกับกฎหมาย ข้อบังคับ ข้อกำหนดและมาตรฐานสากลด้านสิ่งแวดล้อมที่บริษัทเกี่ยวข้อง ตลอดจนมีการติดตามตรวจสอบและทบทวนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
  • มุ่งมั่นดำเนินการธุรกิจที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ และมุ่งมั่นที่จะปกป้อง รักษา ฟื้นฟูระบบนิเวศและลดภาวะโลกร้อน ตลอดจนการสรรหาและสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • การประหยัดพลังงาน (Energy Conservation) ส่งเสริมให้มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ พลังงาน และน้ำอย่างยั่งยืน ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ สนับสนุนการใช้พลังงานทดแทน ปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานจากกิจกรรมและกระบวนการทำงาน ตลอดจนบริหารจัดการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่ง
  • การจัดการของเสีย (Waste Management) มุ่งมั่นในการลดและควบคุมของเสียจากห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง มีนโยบายให้นำแนวคิด 3Rs (Reduce Reuse และ Recycle) ได้แก่ การลดการใช้ การนำกลับมาใช้ซ้ำและการหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่มาใช้ในการบริหารจัดการกำจัด เพื่อให้การจัดการขยะและของเสียต่าง ๆ มีประสิทธิภาพส่วนของขยะเสียจากการดำเนินงานรวมถึงกากอุตสาหกรรมที่ไม่สามารถนำไปบำบัด ใช้กระบวนการ 3Rs ได้ บริษัทให้มีการนำไปบำบัด (Treatment) และกำจัดของเสีย (Disposal) อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ
  • การใช้ทรัพยากรมีประสิทธิภาพ (Optimize resource to implement) สนับสนุนการบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible Consumption) โดยพัฒนาและสนับสนุนสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco Product) และส่งเสริมการใช้พลาสติกอย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible Plastic Consumption)
  • สภาพภูมิอากาศ (Climate Change) มุ่งมั่นในการกำกับดูแลและบริหารจัดการความเสี่ยงหรือโอกาสที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ ประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และกำหนดแผนการดำเนินงานกิจกรรมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรงและทางอ้อม (Scope 1, 2 และ 3) ให้สอดคล้องกับเป้าหมายและกลยุทธ์การจัดการสภาพภูมิอากาศ
  • เสริมสร้างความรู้ ความตระหนัก อบรม ให้คำปรึกษา และสร้างการมีส่วนร่วมด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้กับพนักงาน คณะทำงานที่เกี่ยวข้อง และ ผู้มีส่วนได้เสีย รวมถึงให้การสนับสนุนทรัพยากรที่เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสม

โดย บริษัทยังได้ดำเนินงานภายใต้แนวทางต่าง ๆ ดังนี้

  1. บริษัทได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มุ่งเน้นขยายสัดส่วนสินค้า Eco Product ทั้งกลุ่มเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการเริ่มกิจกรรมภายในบริษัทเพื่อสร้างความตระหนักรู้ด้านการใช้พลังงาน สิ่งแวดล้อม และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้กับพนักงาน เพื่อให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัท
  2. ดำเนินการปรับปรุงและบำรุงรักษาอุปกรณ์ควบคุมการทำงานของระบบไฟฟ้าที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการสร้างความตระหนักถึงการประหยัดไฟฟ้าแก่พนักงาน และบริษัทยังขยายการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (solar rooftop) เพิ่มในกลุ่มบริษัท เพื่อให้สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าทดแทนมาใช้เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ปริมาณการใช้ไฟฟ้า
  3. ดำเนินโครงการด้านการจัดการพลังงานเพื่อมุ่งสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร เช่น โครงการ Solar Rooftop, โครงการ Energy Saving, โครงการ INDEX GOES GREEN’s เป็นต้น
  4. การบริหารจัดการประเภทน้ำมันและเชื้อเพลิง บริษัทดำเนินการจัดการด้านน้ำมันและเชื้อเพลิงอย่างเป็นระบบและครบวงจร โดยเริ่มตั้งแต่การจัดตั้งสถานีเติมน้ำมันภายในศูนย์กระจายสินค้า ตลอดจนการบำรุงรักษายานพาหนะขนส่งอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งมาตรการเหล่านี้ส่งผลให้การควบคุมและบริหารจัดการการใช้พลังงานมีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
  5. การส่งเสริมและดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น โครงการปลูกกล้าพลิกฟื้นผืนป่า, โครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก (Low Emission Support Scheme: LESS) และโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program: T-VER) เป็นต้น

บริษัทได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มุ่งเน้นขยายสัดส่วนสินค้า Eco Product ทั้งกลุ่มเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

รวมถึงการเริ่มกิจกรรมภายในบริษัทเพื่อสร้างความตระหนักรู้ด้านการใช้พลังงาน สิ่งแวดล้อม และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้กับพนักงาน เพื่อให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัท

ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง

ผู้ถือหุ้น
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
  • มูลค่าหุ้นเพิ่มจากภาพลักษณ์ที่ดีและความยั่งยืนของธุรกิจ
  • ลดความเสี่ยงจากกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
  • ต้นทุนการลงทุนเริ่มต้นสูง อาจกระทบกำไรในระยะสั้น- อาจมีความไม่แน่นอนของผลตอบแทนจากโครงการ
ลูกค้า
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
  • ได้ใช้บริการจากบริษัทที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
  • เพิ่มความมั่นใจในแบรนด์
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
  • อาจต้องรับภาระทางอ้อมจากต้นทุนสินค้าที่เพิ่มขึ้นหากมีการปรับราคาจากต้นทุนพลังงานเขียว
คู่ค้าทางธุรกิจ
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
  • ได้ร่วมพัฒนาห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน
  • เพิ่มโอกาสในตลาดที่เน้นสิ่งแวดล้อม
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
  • อาจต้องปรับตัวตามนโยบายด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมของบริษัทซึ่งอาจมีต้นทุนเพิ่ม
ชุมชนและสังคม
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
  • คุณภาพอากาศดีขึ้นจากการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  • ส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานจากโครงการพลังงานสะอาด
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
  • การก่อสร้างระบบพลังงานอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะสั้น เช่น เสียงหรือฝุ่น เป็นต้น
หน่วยงานภาครัฐและอื่นๆ
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
  • ภาคเอกชนสนับสนุนนโยบายภาครัฐด้านการลดคาร์บอน
  • ลดภาระของรัฐในการจัดการสิ่งแวดล้อม
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
  • หากบริษัทไม่สามารถปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด อาจต้องดำเนินการบังคับใช้กฎหมายเพิ่มเติม
  • มีต้นทุนในการปฏิบัติเพื่อให้สอดคล้องตามกฎหมายและข้อบังคับเพิ่มขึ้น
พนักงาน
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
  • มีสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีขึ้นและปลอดภัย
  • มีความภาคภูมิใจในองค์กรที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
  • มีส่วนร่วมในการดำเนินโครงการมีโอกาสได้รับการส่งเสริมองค์ความรู้และแนวปฏิบัติด้านการจัดการพลังงานและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
  • ต้องเรียนรู้หรือได้รับการฝึกอบรมเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางและวิธีการจัดการก๊าซเรือนกระจกขององค์กรและแนวทาง วิธีการใหม่ ๆ ที่อาจมีเพิ่มเติมในอนาคต
  • การสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้พนักงานทุกคนตระหนักถึงคุณค่าของพลังงาน สิ่งแวดล้อม และการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่าอาจต้องใช้ระยะเวลาหลายปี