การจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและพลังงาน
การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
เป้าหมาย
ผลการดำเนินงานปี 2567
ในปี 2567 ได้เข้าร่วมดำเนินโครงการ LESS กับ อบก. ผ่าน 4 โครงการ ได้แก่
- โครงการติดตั้งระบบพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์
- โครงการคัดแยกขยะเพื่อการรีไซเคิล
- โครงการนำขยะอินทรีย์ประเภทเศษอาหารไปใช้เป็นอาหารสัตว์
- โครงการปรับเปลี่ยนเครื่องทำน้ำเย็นประสิทธิภาพสูง
คิดเป็นปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้น 29.81% เทียบกับปีฐาน 2565 หรือเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ประมาณ 11.54%
ความมุ่งมั่น ความท้าทาย และโอกาส
บริษัทให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการจัดการพลังงานและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ซึ่งครอบคลุมทั้งการใช้ไฟฟ้า การบริหารจัดการน้ำมันและเชื้อเพลิง และการประเมินและติดตามปริมาณการปล่อยคาร์บอนจากกิจกรรมขององค์กร โดยบริษัทได้กำหนดนโยบาย เป้าหมาย และมาตรการต่าง ๆ อย่างชัดเจนเพื่อมุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน
บริษัทมีความมุ่งมั่นในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมผ่านการปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในสำนักงาน สาขา ศูนย์กระจายสินค้า และโรงงาน การติดตั้งระบบ Solar Rooftop เพื่อผลิตไฟฟ้าทดแทน การใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะในการบริหารจัดการระบบปรับอากาศและไฟฟ้าแสงสว่าง รวมถึงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพนักงานในการประหยัดพลังงานและลดการปล่อยคาร์บอน นอกจากนี้ ILM ยังตั้งเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ได้แก่ การเป็นองค์กรที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2608 และบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2593 สะท้อนถึงความตั้งใจในการลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในเชิงกลยุทธ์
แม้ว่าบริษัทจะมีแผนและโครงการด้านสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจน แต่ยังคงเผชิญกับความท้าทายที่หลากหลาย เช่น ความผันผวนของต้นทุนการลงทุนในเทคโนโลยีพลังงานทดแทนและระบบที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดในระยะสั้น รวมถึงข้อจำกัดด้านพื้นที่หรือโครงสร้างพื้นฐานในการติดตั้งระบบพลังงานใหม่ในบางสาขาหรือศูนย์กระจายสินค้า อีกทั้งการติดตาม ตรวจวัด และรายงานผลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ครบถ้วนตามกรอบมาตรฐาน เช่น GHG Protocol หรือ ISO 14064 ยังเป็นความท้าทายด้านข้อมูลที่ต้องการ การบูรณาการร่วมกันจากหลายฝ่ายในองค์กร นอกจากนี้ยังมีความจำเป็นในการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับพนักงานและคู่ค้าเกี่ยวกับบทบาทของตนในการมีส่วนร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

การดำเนินงานด้านพลังงานและการจัดการการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกถือเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างความแตกต่างทางธุรกิจ บริษัทสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากการเป็นองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่และนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับ ESG (Environmental, Social, Governance) ยิ่งไปกว่านั้น การลงทุนในพลังงานทดแทนและระบบที่มีประสิทธิภาพ ยังช่วยลดต้นทุนพลังงานในระยะยาว และลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายหรือกฎระเบียบเกี่ยวกับการปล่อยคาร์บอนในอนาคต อาทิ ภาษีคาร์บอน หรือข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อมทั้งในระดับประเทศและสากล
ขณะเดียวกัน ILM ยังสามารถใช้ข้อมูลการลดคาร์บอนเป็นเครื่องมือในการสื่อสารความยั่งยืนและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ทั้งผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้า และชุมชนโดยรอบ
แนวทางการจัดการและแนวปฏิบัติ
บริษัทได้ตระหนักถึงความสำคัญของผลกระทบและความเสี่ยงด้านการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกและการจัดการพลังงาน ในปี 2567 บริษัทจึงได้พัฒนาโครงการ Green Retail Store ณ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ สาขาสระบุรี เป็นต้นแบบอาคารประหยัดพลังงานรายแรกในค้าปลีกไทย และแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อชี้เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ร่วมความครบครันด้านสินค้าและบริการในตัวบ้าน
รวมถึงยังเป็นเซฟโซนที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับทุกคนภายในอาคาร ‘Zero Energy Building’

นอกจากนี้ บริษัทยังคงดำเนินการติดตั้งระบบพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ (Solar Rooftop) ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี 2561 เพื่อนำพลังงานสะอาดมาใช้แทนไฟฟ้าในสาขาอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์และเดอะวอล์ค ศูนย์กระจายสินค้า และโรงงาน ปัจจุบันมีการติดตั้งทั้งหมด 28 แห่ง เพื่อเป็นการประหยัดพลังงานอย่างยั่งยืน และได้เข้าร่วมโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก (Low Emission Support Scheme: LESS) จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก.) โดยในปี 2567 สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 7,617.73 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
ทั้งนี้ เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทจึงได้กำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อมในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการจัดการพลังงาน ดังนี้
- ดำเนินธุรกิจและกิจกรรมของบริษัทให้สอดคล้องกับกฎหมาย ข้อบังคับ ข้อกำหนดและมาตรฐานสากลด้านสิ่งแวดล้อมที่บริษัทเกี่ยวข้อง ตลอดจนมีการติดตามตรวจสอบและทบทวนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
- มุ่งมั่นดำเนินการธุรกิจที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ และมุ่งมั่นที่จะปกป้อง รักษา ฟื้นฟูระบบนิเวศและลดภาวะโลกร้อน ตลอดจนการสรรหาและสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- การประหยัดพลังงาน (Energy Conservation) ส่งเสริมให้มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ พลังงาน และน้ำอย่างยั่งยืน ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ สนับสนุนการใช้พลังงานทดแทน ปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานจากกิจกรรมและกระบวนการทำงาน ตลอดจนบริหารจัดการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่ง
- การจัดการของเสีย (Waste Management) มุ่งมั่นในการลดและควบคุมของเสียจากห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง มีนโยบายให้นำแนวคิด 3Rs (Reduce Reuse และ Recycle) ได้แก่ การลดการใช้ การนำกลับมาใช้ซ้ำและการหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่มาใช้ในการบริหารจัดการกำจัด เพื่อให้การจัดการขยะและของเสียต่าง ๆ มีประสิทธิภาพส่วนของขยะเสียจากการดำเนินงานรวมถึงกากอุตสาหกรรมที่ไม่สามารถนำไปบำบัด ใช้กระบวนการ 3Rs ได้ บริษัทให้มีการนำไปบำบัด (Treatment) และกำจัดของเสีย (Disposal) อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ
- การใช้ทรัพยากรมีประสิทธิภาพ (Optimize resource to implement) สนับสนุนการบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible Consumption) โดยพัฒนาและสนับสนุนสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco Product) และส่งเสริมการใช้พลาสติกอย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible Plastic Consumption)
- สภาพภูมิอากาศ (Climate Change) มุ่งมั่นในการกำกับดูแลและบริหารจัดการความเสี่ยงหรือโอกาสที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ ประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และกำหนดแผนการดำเนินงานกิจกรรมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรงและทางอ้อม (Scope 1, 2 และ 3) ให้สอดคล้องกับเป้าหมายและกลยุทธ์การจัดการสภาพภูมิอากาศ
- เสริมสร้างความรู้ ความตระหนัก อบรม ให้คำปรึกษา และสร้างการมีส่วนร่วมด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้กับพนักงาน คณะทำงานที่เกี่ยวข้อง และ ผู้มีส่วนได้เสีย รวมถึงให้การสนับสนุนทรัพยากรที่เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสม
โดย บริษัทยังได้ดำเนินงานภายใต้แนวทางต่าง ๆ ดังนี้
- บริษัทได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มุ่งเน้นขยายสัดส่วนสินค้า Eco Product ทั้งกลุ่มเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการเริ่มกิจกรรมภายในบริษัทเพื่อสร้างความตระหนักรู้ด้านการใช้พลังงาน สิ่งแวดล้อม และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้กับพนักงาน เพื่อให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัท
- ดำเนินการปรับปรุงและบำรุงรักษาอุปกรณ์ควบคุมการทำงานของระบบไฟฟ้าที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการสร้างความตระหนักถึงการประหยัดไฟฟ้าแก่พนักงาน และบริษัทยังขยายการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (solar rooftop) เพิ่มในกลุ่มบริษัท เพื่อให้สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าทดแทนมาใช้เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ปริมาณการใช้ไฟฟ้า
- ดำเนินโครงการด้านการจัดการพลังงานเพื่อมุ่งสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร เช่น โครงการ Solar Rooftop, โครงการ Energy Saving, โครงการ INDEX GOES GREEN’s เป็นต้น
- การบริหารจัดการประเภทน้ำมันและเชื้อเพลิง บริษัทดำเนินการจัดการด้านน้ำมันและเชื้อเพลิงอย่างเป็นระบบและครบวงจร โดยเริ่มตั้งแต่การจัดตั้งสถานีเติมน้ำมันภายในศูนย์กระจายสินค้า ตลอดจนการบำรุงรักษายานพาหนะขนส่งอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งมาตรการเหล่านี้ส่งผลให้การควบคุมและบริหารจัดการการใช้พลังงานมีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
- การส่งเสริมและดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น โครงการปลูกกล้าพลิกฟื้นผืนป่า, โครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก (Low Emission Support Scheme: LESS) และโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program: T-VER) เป็นต้น
บริษัทได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มุ่งเน้นขยายสัดส่วนสินค้า Eco Product ทั้งกลุ่มเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
รวมถึงการเริ่มกิจกรรมภายในบริษัทเพื่อสร้างความตระหนักรู้ด้านการใช้พลังงาน สิ่งแวดล้อม และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้กับพนักงาน เพื่อให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัท
ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง
ผู้ถือหุ้น
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
- มูลค่าหุ้นเพิ่มจากภาพลักษณ์ที่ดีและความยั่งยืนของธุรกิจ
- ลดความเสี่ยงจากกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- ต้นทุนการลงทุนเริ่มต้นสูง อาจกระทบกำไรในระยะสั้น- อาจมีความไม่แน่นอนของผลตอบแทนจากโครงการ
ลูกค้า
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
- ได้ใช้บริการจากบริษัทที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
- เพิ่มความมั่นใจในแบรนด์
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- อาจต้องรับภาระทางอ้อมจากต้นทุนสินค้าที่เพิ่มขึ้นหากมีการปรับราคาจากต้นทุนพลังงานเขียว
คู่ค้าทางธุรกิจ
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
- ได้ร่วมพัฒนาห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน
- เพิ่มโอกาสในตลาดที่เน้นสิ่งแวดล้อม
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- อาจต้องปรับตัวตามนโยบายด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมของบริษัทซึ่งอาจมีต้นทุนเพิ่ม
ชุมชนและสังคม
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
- คุณภาพอากาศดีขึ้นจากการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
- ส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานจากโครงการพลังงานสะอาด
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- การก่อสร้างระบบพลังงานอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะสั้น เช่น เสียงหรือฝุ่น เป็นต้น
หน่วยงานภาครัฐและอื่นๆ
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
- ภาคเอกชนสนับสนุนนโยบายภาครัฐด้านการลดคาร์บอน
- ลดภาระของรัฐในการจัดการสิ่งแวดล้อม
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- หากบริษัทไม่สามารถปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด อาจต้องดำเนินการบังคับใช้กฎหมายเพิ่มเติม
- มีต้นทุนในการปฏิบัติเพื่อให้สอดคล้องตามกฎหมายและข้อบังคับเพิ่มขึ้น
พนักงาน
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
- มีสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีขึ้นและปลอดภัย
- มีความภาคภูมิใจในองค์กรที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
- มีส่วนร่วมในการดำเนินโครงการมีโอกาสได้รับการส่งเสริมองค์ความรู้และแนวปฏิบัติด้านการจัดการพลังงานและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- ต้องเรียนรู้หรือได้รับการฝึกอบรมเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางและวิธีการจัดการก๊าซเรือนกระจกขององค์กรและแนวทาง วิธีการใหม่ ๆ ที่อาจมีเพิ่มเติมในอนาคต
- การสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้พนักงานทุกคนตระหนักถึงคุณค่าของพลังงาน สิ่งแวดล้อม และการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่าอาจต้องใช้ระยะเวลาหลายปี